หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เที่ยวทั่วไทย-บ้านกรูด

    บ้านกรูด

                "บ้านกรูด"  แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่น่าไปเที่ยวอย่างยิ่ง แต่ยังไม่ดังเท่าที่ควร น่าจะเป็นเพราะการโหมประชาสัมพันธ์ ยังไม่เกิดขึ้น หาดบ้านกรูดประชาสัมพันธ์ตัวเอง โดยไม่ได้ตั้งใจจะประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว คือ การต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้า ที่หาดบ้านกรูด เพราะเมื่อมีการคิดจะสร้างโรงไฟฟ้าขึ้น ที่ด้านทิศเหนือของเขาธงชัย ที่ตั้งอยู่ริมทะเล ซึ่งหาดด้านนี้งดงามอย่างยิ่ง หาดทรายยาว ทรายละเอียด ขาวสะอาด และในทะเลตอนนี้ก็จะเป็นดงปะการังที่แสนจะงดงาม มีปลาวาฬหนีหนาวเข้ามาในเดือนมกราคม มีฝูงปลาโลมา มาดำผุด ดำว่ายให้ชม เมื่อมีการสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังจากถ่านหิน ต้องสร้างสะพานยื่นออกไปในทะเล ยาวนับร้อยเมตร และต้องปักเสาผ่าเข้าไปในดงปะการังแสนสวย จะเกิดมลพิษจากถ่านหิน จะไปทำลายการท่องเที่ยว ถ่านหินจะนำมาจากพม่า หากเอามาจากพม่าแล้ว ก็น่าจะไปสร้างโรงไฟฟ้ากัน ทางด้านด่านสิงขร ซึ่งด่านสิงขร ที่พม่าเคยยกทัพเข้ามานั้น อยู่ประมาณหลัก กิโลเมตร ๓๓๒ จะมีทางแยกขวาไปอีก ๑๗ กิโลเมตร ผมไปหลายครั้งสมัยยังรับราชการ และเป็นด่านที่นักศึกษาพม่าหนีภัยการเมืองมาชุมนุมกัน อยู่ที่ชายแดนด้านนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อสัก ๑๖ ปีผ่านมาแล้ว ปัจจุบันด่านสิงขรเจริญขึ้น ไม่ได้มีแต่ป่าเขา หากนำถ่านหินเข้าจากพม่า ก็น่าจะสร้างโรงไฟฟ้าที่ด้านนี้ ใกล้สะดวกกว่าที่จะไปสร้างที่ชายหาดบ้านกรูด และบ้านกรูด กำลังเป็นระยะเริ่มต้นที่จะให้เกิด เป็นสถานที่ตากอากาศชั้นดี เพราะเงียบสงบ ชายหาดสวย รักษาธรรมชาติเอาไว้ จะได้มองเห็นป่า เขา และทะเล
                การเดินทาง  เพื่อไปยังหาดบ้านกรูด ถ้าเราเริ่มต้นจากประจวบคีรีขันธ์ ที่ กิโลเมตร๓๒๓ ถนนเพชรเกษม หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ จะผ่านแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งที่ควรแวะ หรือแวะเที่ยว ตอนขากลับ เริ่มตั้งแต่ในตัวเมืองประจวบ เลยทีเดียว เช่น
                เขาคั่นบันได  เลี้ยวซ้ายจากถนนเพชรเกษม มาสัก ๓ กิโลเมตร ข้ามทางรถไฟ ตรงไป จะพบวัดเขาคั่นกระได อยู่ตรงสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไป ๒ กิโลเมตร จะถึงวัดอ่าวน้อย หรือวัดเขาถ้ำคั่นกระได อยู่เชิงเขา จากเชิงเขาต้องเดินขึ้นเขาไป จะถึงจุดชมวิวที่มองเห็นท้องทะเลในอ่าวน้อย เห็นหมู่บ้านชาวประมง ขนาดใหญ่ อ่าวประจวบจะมีปลาหมึกชุกชุมตกค่ำ จะเห็นแสงไฟของเรือไดปลาหมึกเต็มอ่าว เช้าเรือเหล่านี้ก็จะวิ่งกลับเข้าฝั่ง พร้อมด้วยปลาหมึก
                เขาช่องกระจก  ชมเมืองประจวบจากยอดเขา อยู่ใกล้อ่าวประจวบ เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองประจวบ ข้ามทางรถไฟไปสัก ๒ กิโลเมตร ผ่านสวนสาธารณะ และสนามกีฬาจังหวัด ตรงไปจะเห็นวัดธรรมิการาม ทางด้านซ้ายมือ เขาช่องกระจกอยู่ทางด้านขวา เขาช่องกระจกสูง ๒๔๕ เมตร จากระดัวบน้ำทะเล ระดับน้ำทะเลที่เป็นศูนย์ของประเทศไทยนั้น ถือเอาระดับน้ำทะเลที่ "เกาะหลัก" ซึ่งเป็นเกาะที่มองเห็นอยู่ในอ่าวประจวบ ยอดเขาช่องกระจกภูเขาจะมีช่องทะลุ คล้ายกรอบกระจก เลยเรียกว่า เขาช่องกระจก นอกจากขึ้นไปชมวิวของอ่าวประจวบ และชมตัวเมืองประจวบแล้ว ยังได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ทีjพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมาประกอบพิธีบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๑
                อ่าวประจวบ  ลักษณะโค้งเสี้ยวพระจันทร์ ทอดยาวจากเขาตาม่องล่าย ยาวประมาณ ๘ กิโลเมตร มีเกาะต่าง ๆ ที่สำคัญยิ่งก็คือ "เกาะหลัก" มีเกาะไหหลำ เกาะร่ม เกาะแรด ยามเช้างามนัก
                อ่าวมะนาว  ไปชมหาด เล่นน้ำทะเล เป็นหาดแห่งสมรภูมิ เมื่อญี่ปุ่นบุกขึ้นมาเมื่อ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔  เป็นที่ตั้งกองพลบิน ของกองทัพอากาศ หาดจึงอยู่ในเขตทหารแต่เข้าไปชมได้
                อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ  หว้ากอเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และวิทยาศาตร์ไทย เพราะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จมาทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง ที่ทรงคำนวณไว้อย่างแม่นยำ รัฐบาลจึงจัดตั้งให้หว้ากอเป็นศูนย์กลางการศึกษาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยเน้นด้านดาราศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา และวิทยาศาสตร์ทางทะเล ภายในอุทยานมี พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของพื้นที่ ส่วนที่แคบที่สุดของประเทศ มีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า อาคารเรียน สวนหิน สวนผีเสื้อ สวนหินนั้นแสดงหินที่รวบรวมมาจากแหล่งหินทั่วประเทศ สวนผีเสื้อมีผีเสื้อจำนวนมาก และมีโรงเพาะพันธุ์ผีเสื้อและแมลง น่าเข้าไปชมอย่างยิ่ง เส้นทาง ไปตามถนนสาย ๔ จากประจวบ ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอก ให้เลี้ยวซ้ายไป ๓ กิโลเมตร
                อุทยานแห่งชาติหาดวนกร  อยู่ในพื้นที่ อ.ทับสะแก เป็นพื้นที่ราบ และชายทะเล พื้นที่ในน้ำคือ เกาะจาน และเกาะท้ายทรีย์ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ หาดวนกร อ่าวมะค่า เกาะจาน และเกาะท้ายทรีย์ ไปที่ทำการ แยกซ้ายจากถนนเพชรเกษมที่หลักกิโลเมตร๓๕๐ ไปอีก ๓.๕ กิโลเมตร มีป้ายบอกทาง มีบ้านพัก ๐๓๒ ๖๐๒ ๖๕๔  ๐๒ ๕๖๑ ๒๙๒๐   พักที่บ้านคณะวนศาสตร์  ๐๒ ๕๗๙ ๐๕๒๐
                บ้านกรูด  ชายหาดสำคัญที่ผมไปเที่ยว ไปพัก ในการไปคราวนี้และที่อยากไปมาก คือ การไปสักการะพระบรมธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ วัดทางสาย บนยอดเขาธงชัย ซึ่งผมไปมาแล้ว ๓ ครั้ง ทุกครั้งที่ไป ก็เห็นการก่อสร้างที่ยังไม่เรียบร้อย แต่ทุกครั้งที่ไปก็ได้เห็นการก่อสร้างที่ก้าวหน้าไปมาก
                เส้นทาง จากประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึง กิโลเมตร ๓๘๒ ก็แยกเข้าทางคู่ขนาน ผ่านปั๊มน้ำมัน ปตท. แล้วเลี้ยวซ้ายตรงเรื่อยไป จนข้ามทางรถไฟ ตอนข้าทางรถไฟมองทางซ้ายจะเห็นสถานีรถไฟ และจะมีตลาดเดี๋ยวผมจะพามาเที่ยวตลาด ตรงไปตามถนนอย่าเผลอเลี้ยวแยกขวาเป็นอันขาด จนพบป้ายใหญ่บอกทางว่าจะไปไหน เช่น ไปรีสอร์ทต่าง ๆ ก็เลี้ยวขวาวิ่งไปตามถนนกลางอ่าว ทางซ้ายคือ อ่าวบ้านกรูดที่งามนัก ทางขวามีบ้านพัก มีรีสอร์ทหลายแห่งแต่ยังปลูกกัน ไม่แน่นเต็ม มองเห็นป่า เห็นภูเขา มีคลองธรรมชาติ น้ำฝนจากเขาจะไหลลงสู่คลองที่จะไหลผ่าน ด้านหลังของรีสอร์ท
                ตรงไปจะผ่านบ้านพัก และตรงไปสู่คลองธรรมชาติที่ด้านหลังรีสอร์ท และมีบ้านกำลังสร้างของผู้ที่มาซื้อที่ดินของรีสอร์ท สร้างบ้านพักส่วนตัว รีสอร์ทแห่งนี้เปิดอยู่ในพวกรุ่นแรก รุ่นบุกเบิก คือ ๑๒ ปีผ่านมาแล้ว ทั่วรีสอร์ทแห่งนี้ร่มรื่นไปด้วยไม้ใหญ่ ซึ่งบางต้นใหญ่มาก เป็นไม้ตามธรรมชาติที่อนุรักษ์เอาไว้  และส่วนใหญ่คือ ไม้ที่ปลูกใหม่ แต่เวลา ๑๒ ปี ทำให้ร่มรื่นไปหมด รวมทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้เลื้อย เรียกว่า สารพัดพันธุ์ไม้ ดังนั้นหากเรายืนริมสระน้ำ มองเข้ามาจะเห็นเป็นไม้ร่มรื่น แทบจะมองไม่เห็นบ้านพัก หากกลับหลังก็จะเห็นชายหาดแสนสวยของบ้านกรูด เรียกว่า จุดเดียวกันได้เห็นสองบรรยากาศ
                ไปเที่ยว หากจะเที่ยวชมหาดแสนสวยก่อนให้ ออกจากรีสอร์ทแล้วเลี้ยวขวา วิ่งไปประมาณ ๘ กิโลเมตร จะถึง อ่าวบ่อทองหลาง ซึ่งหาดทรายจะสวยมาก แต่ทางลงหาดจะค่อนข้างชัน เมื่อลงไปแล้วจะพบหาดทรายยาวเหยียด กว้างมาก ทรายละเอียด ขาวสะอาด เหมาะเล่นน้ำ มีตลาดเพราะเป็นชุมชนชาวประมง ชาวเรือเดี๋ยวนี้มีลูกจ้างเป็นชาวพม่าแยะ เดินกันให้เกลื่อนไปแถมยังมีร้านคาราโอเกะ มีสาว ๆ ชนิดไม่ต้องบอกก็เดาได้นั่งอยู่หน้าร้าน มีสะพานปลาหลายแห่ง และอ่าวที่ติดกันคือ อ่าวแม่รำพึง มีที่พัก แต่คลื่นลมค่อนข้างแรง ไม่เหมือนอ่าวบ่อทองหลาง
                เขาธงชัย  ซึ่งเชิงเขาเป็นที่ตั้งของวัดทางสาย ส่วนยอดเขานั้นเป็นศูนย์รวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว  ที่สำคัญยิ่งคือ

                พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ  ขอยกให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นการสร้างอย่างเงียบ ๆ ไม่ประกาศครึกโครม ไม่มีการประกาศทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ที่ประชาสัมพันธ์เพื่อหาเงิน แต่สามารถสร้างสำเร็จด้วยวงเงินนอกงบประมาณ มากกว่า ๒๐๐ ล้านบาท เขาธงชัยเป็นเขาที่สูงเพียง ๑๑๕ เมตร อยู่ชายทะเล หากไปจากรีสอร์ทที่พักก็เลี้ยวซ้ายวิ่งเรื่อยไปตามถนนกลางอ่าว มีป้ายนำทางไปตลอดจนขึ้นไปบนเขา ไปจอดรถได้ที่ลานจอดรถ หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ แล้วเดินขึ้นเขาไปประมาณ ๑๒๐ เมตร เดินอย่างสบาย ๆ
                เจ้าอาวาสวัดทางสาย ที่ริเริ่มในการสร้างคือ พระอาจารย์ไมตรี ฐิตปัญโญ ประธานคณะกรรมการกอ่สร้าง ที่สามารถระดมทุนได้เป็นร้อย ๆ ล้านคือ นายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีต หนึ่งในห้า ของ  "กกต." ชุดแรก
                ท่านผู้ออกแบบเพื่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์องค์นี้ ซึ่งสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลย์เดช  ครองราชย์สมบัติครบ ๕๐ ปี ท่านผู้ออกแบบคือ ม.ร.ว.มิตรวรุณ เกษมศรี ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินในราชสำนัก ท่านได้ทุ่มแทอย่างสุดฝีมือ ราวกับทราบว่าจะเป็นงานชิ้นสุดท้ายของท่าน เริ่มงานออกแบบเมื่อท่านมีอายุได้ ๘๐ ปี แล้วเสร็จเมื่ออายุของท่าน ๘๒ ปี เป็นงานชิ้นสุดท้ายเพราะเสร็จงานแล้ว ท่านก็เสียชีวิต แต่งานอันยิ่งใหญ่ของ ศิลปินแห่งชาติท่านนี้จะไม่สิ้นสุดตามชีวิตท่านไป จะยืนยงอยู่ตลอดไป

                เมื่อจอดรถ ณ ลานจอดรถแล้วเดินมานิดเดียว จะถึงที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สำคัญคือ  "พระพุทธกิติสิริชัย"  เป็นพระพุทธรูปปั้น ปางคันราษฎร์ คือ ปางแรกที่เกิดมีพระพุทธรูปขึ้นในโลก เพื่อบูชาแทนพระพุทธองค์ ประทับนั่งปางสมาธิ หน้าตักกว้าง ๑๐ เมตร สูง ๑๓.๘๒ เมตร สมเด็จพระสังฆราช ฯ ประทานนาม และประทานพระบราสารีริกธาตุ เพื่อบรรจุในองค์พระพุทธรูป โดยสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๓๙ เวลา ๐๙.๕๙
                พระตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  เดินลงไปจากลานพระพุทธรูปเลย ก็ได้ลงไปสัก ๒๐ เมตร หรือจะนำรถลงไปก็ได้ ตำหนักไม่ใหญ่นัก ก่ออิฐถือปูน หันหน้าออกสู่ทะเล ภายในมีพระอนุสาวรีย์ของกรมหลวงชุมพร ฯ ประทับยืน ชาวบ้านเชื่อกันว่าพระองค์เคยเสด็จมาประทับ เพื่อพักทอดสมอเรือรบ จึงสร้างสมอเรือจำลองเอาไว้ด้วย มาสักการะด้วยการจุดประทัด
                เดินขึ้นไปสู่พระมหาธาตุเจดีย์ตามขั้นบันได หากเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นเหมือนวิมานลอยในอากาศ งามนัก เหมือนนำสถานที่สำคัญของพระพุทธศาสนามาประยุกต์ ให้สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมไทย ได้อย่างแนบเนียนและงดงาม เช่น มองเห็นยอดพระเจดีย์หลายองค์เหมือนพระมหาเจดีย์บุโรพุทโธ ที่ยอร์กยากาต้า ในอินโดนิเซีย เหมือนเอาบางส่วนของโลหะปราสาทมาร่วม เหมือนพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ก็มีส่วน ประดุจวิมานลอยอยู่กลางอากาศ
                อาคารของพระมหาเจดีย์ กว้าง ยาว สูง ด้านละ ๕๐ เมตร หมายถึง ทรงครองราชย์ ๕๐ ปี ตัวอาคารเป็นตึกสูง ๕ ชั้น หมายถึงขันธ์ ๕ เป็นหมู่เจดีย์ ๙ องค์ หมายถึงรัชกาลที่ ๙
                ภายในอาคารจะมีพระพุทธรูป ที่สร้างจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ ส่งมาถวายไว้ ๓๗ องค์ เป็นการสร้างอาคารแบบสถาปัตยกรรมแบบใหม่สุด คือนำเอาอุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ วิหารคด มารวมไว้ในอาคารเดียวกัน ในแนวตั้ง
                ชั้นใต้ดิน เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และพิพิธภัณฑ์ลายไทย ของ ม.ร.ว.มิตรวรุณ ฯ
                ชั้นที่ขึ้นไปถึงและเข้าไปเป็นชั้นแรก คือ ชั้นที่ ๓ ที่ทางเข้าจะมีวัตถุมงคลให้เช่า และมีประวัติย่อ ๆ มีพระเครื่องบูชาเพื่อบรรจุกรุ เมื่อเข้าไปภายในจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เป็นวิหาร เป็นที่ฟังธรรม จุคนได้ถึง ๑,๐๐๐ คน จะมาทอดกฐิน ทอดผ้าป่า จะทำกันที่ชั้นนี้ ตรงกลางของชั้นนี้ จะมีพระพุทธรูป ๔ อิริยาบถ ประจำทั้งสี่ทิศ และพระพุทธรูปประจำวันเกิด
                ชั้น ๔ เป็นอุโบสถ มีพระพุทธรูปปางลีลา เป็นพระประธาน ซึ่งงดงามมากมองดูเหมือนชายจีวรจะพลิ้วไหวได้ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นลายไท เขียนโดยศิลปินรุ่นใหม่ แต่ฝีมือสูงยิ่ง บานหน้าต่างเป็นกระจกสี ที่นำมาต่อกันให้เกิดเป็นภาพแบบต่อจิ๊กซอ ต่อแล้วเป็นภาพของตัว ละครในเรื่องมหาชนก ภาพด้านหลังองค์พระประธานเป็นภาพใหญ่มาก คือ ภาพพระพุทธองค์เสด็จลงจากดาวดึงส์ ในวันออกพรรษา เป็นความงดงามสุดพรรณา การออกแบบติดตั้งหน้าต่าง คงคำนวณทิศทางลมเอาไว้ด้วย เพราะลมจะพัดเข้ามาเย็นสบายตลอดวัน ไม่ต้องมีพัดลม
                ชั้น ๕  คือ ชั้นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
                ความงดงามมีโดยรอบพระมหาเจดีย์ จะชมวิวก็งดงาม ด้านหลังเป็นสนามหญ้าเรียบยาว (มีสุขาอยู่ด้านหลัง ริมขอบสนาม)  มองไกล ๆ ออกไป คือ ชายหาดที่ร้องได้อย่างเดียวว่าสวย
                ผมได้บอกไว้แล้วว่า พระมหาธาตุเจดีย์องค์นี้ นั้นงามสุดพรรณา ขอให้ไปชมด้วยตนเอง
                ไปตลาด อยู่หลังสถานีรถไฟ ตามร้านขายของชำของตลาดนี้จะมี "น้ำตาลมะพร้าวแท้" คือ ไม่ปนแป้ง หวานชื่นใจซื้อกลับมาเอาไว้ทำขนม ติดตลาดตอนเช้าทุกวัน และยังมีตลาดนัด แบบเปิดท้ายขายของในตอนเย็นวันเสาร์อีกด้วย ไปเมื่อไรได้เสียเงิน สินค้ามากราคาย่อมเยา
                มื้อเช้า จะมีข้าวต้ม โจ๊ก ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ไข่ดาว ไข่ออมเลท แฮม ไส้กรอก แซนวิช ขนมปัง "ปาท่องโก๋ จิ้มนม"  ขนมจีนแกงเขียวหวาน อร่อยเด็ด คอร์นเฟลค ชา กาแฟ โอวัลติน น้ำผลไม้ ผลไม้ ค่าอาหารรวมอยู่ในค่าห้อง
                มื้อเย็น  ได้ชิมสองมื้อ ไปกินหลายคนสั่งมาชิมได้มาก
                อาหารฝรั่งของเขาก็มี ลองสั่งสเต็กเนื้อ ฟิเลมิยอง กับขนมปังกระเทียม มาชิม เนื้อนุ่ม
                ปลากะพงขาวผัดฉ่า เนื้อปลานุ่มหนึบ เผ็ดนิด ๆ เป็นเผ็ดอร่อย
                น้ำพริกวันแรกเป็นน้ำพริกตะไคร้ วันหลังเป็นน้ำพริกปลาทู น้ำพริกตะไคร้นั้นอร่อยมาก ปลาสามรส ออกรสหวานนิด ๆ ใช้ปลากะพงขาวทอด ราดน้ำชุ่ม เข้าเนื้อ ปลาทอดเก่ง ไข่เจียวปู ทอดมันเนื้อปลาอินทรีย์ เหนียวหนึบ ได้เคี้ยวหนุบหนับ แกล้มชั้นยอด กุ้งอบวุ้นเส้น กุ้งแชบ๊วยตัวโต กินวุ้นเส้นอร่อยแทบจะไม่ต้องกินข้าว ยำ ๓ กรอบ ลมทะเลพัดเย็นชื่นใจ คอสุราทั้งหลายดื่มกันไม่รู้จักอิ่ม ๓ กรอบ แกล้มชั้นดี เนื้อปลาอินทรีย์ลวกจิ้มเป็นอีกจานหนึ่งที่สั่งมาชิม และกุ้งผัดเปรี้ยวหวาน กุ้งอบเกลือก็ดี สองวันสั่งอาหารมากชิมมากกว่าสิบอย่าง ที่เอามาเล่าให้ฟังนี้ ล้วนแต่ที่คัดแล้วว่าอร่อยจริง ๆ ราคาไม่แพง ถ้าอาหารฝรั่งก็ขอแนะ สเต็กเนื้อ ฟิเลมิยอง ไม่กินเนื้อก็เปลี่ยนเป็นสเต็กปลา ซอสแดง ซึ่งปรุงเก่งมาก กินเนื้อปลาโดยไม่ต้องเติมซอสอีกเลย
                ของหวาน ฝ่ายชายไม่แตะ ฝ่ายหญิง ทั้งผลไม้ และไอศครีม

    ........................................................



    • Update : 10/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch