หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/27
      นางก็ทูลถ่อมตนด้วยประการต่าง ๆ ทูลว่ามีรับสั่งให้มาเฝ้าแล้ว ขอให้พระอนุชาอ่านสารของพระอภัย ในสารนั้นมีความว่า พระเชษฐาประชวรจึงยังไม่ไปเมืองรัตนา ขอให้พระอนุชาไปเฝ้าพระชนกชนนีแทน ถ้าพระอนุชาสงสัยก็ขอให้ไปเยี่ยมพระองค์ในวัง ศรีสุวรรณอ่านแล้วก็รู้ทัน พอเห็นสินสมุทเข้ามายังพลับพลาชัย จึงให้อ่านสารนั้น สินสมุทอ่านแล้วก็รู้ทัน จึงแกล้งพูดว่า เป็นโรคประหลาดดูอาการแล้ว ใกล้จะถึงสวรรค์ครรไล
                พระอนุชาทัดทานนัดดาว่า อย่าได้กล่าวเช่นนั้นให้คอยฟังข่าวคราวดูก่อน แล้วแกล้งถามนางรำภาว่า เมื่อไรนางจึงจะออกมาบอกกันอีก นางรำภาทูลตอบว่า จะมาเฝ้าอีกได้ก็ต่อเมื่อสองกษัตริย์ จะโปรดใช้มา
                ศรีสุวรรณตรัสเกี้ยวพาราสีนางรำภาอีก นางก็ทูลถ่อมตนด้วยประการต่าง ๆ ศรีสุวรรณจึงตรัสแก่นาง ให้ไปทูลพระมเหสีว่า จะไปเฝ้าพระเชษฐาพรุ่งนี้เช้า
                สินสมุทได้ฟังเห็นพระเจ้าอาสั่งซ้ำ จึงทูลว่าพระบิดาก็หลงคลั่งอยู่วังใน แล้วพระเจ้าอายังจะไปเข้าซองเป็นสองโรงอีก
    แต่ศพเดียวเคี่ยวเข้มก็เต็มปล้ำ ยังจะซ้ำตายต้องเป็นสองศพ
    จนชั้นอีขี้ข้าไม่น่าคบ ขืนเร้ารบรักใคร่เป็นไมตรี ฯ
                พระอนุชาจึงตรัสกับสินสมุทว่า ไม่ต้องการให้ฝ่ายเขาอดสู ชั่วดีอย่างไรก็รู้อยู่
    ก็ปราศัยไต่ถามไปตามเล่ห์ มาโมเวว่ากล่าวให้ร้าวฉาน
    วิสัยชายหมายชู้คู่สำราญ ก็เกี้ยวพานพูดจาให้น่าฟัง
    เขาบอกกล่าวข่าวไข้มิไปเยี่ยม ผิดธรรมเนียมเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง
    ฯลฯ
                แล้วศรีสุวรรณก็ให้ยกหีบทองเข้าไปในห้องไขประแจดู เห็นเครื่องต้นสุคนธ์ธารกับผ้าเช็ดหน้า ก็ต้องมนต์ของนาง สินสมุทกับสามพราหมณ์พี่เลี้ยง หมอบดูอยู่เห็นอาการของศรีสุวรรณแล้ว ก็ทูลเตือนให้ได้คิด แต่ศรีสุวรรณไม่ฟังคำจึงกลับมาปรับทุกข์กันว่า จะคิดอ่านแก้ไขอย่างไรดี เห็นว่าตอนนี้ต้องปล่อยไปก่อน พอปลายปีจึงจะมีผู้มาช่วย สินสมุทบอกว่า จะต้องตามไปช่วยระวัง ให้สามพราหมณ์คุมไพร่พลไปอยู่ที่ประตูวัง เมื่อพลาดพลั้งจะได้แก้ไขกัน
      เจ้าพราหมณ์ตอบชอบอยู่อย่าดูหมิ่น ชาติทมิฬเหมือนยักษ์มักกะสัน
    แต่ครั้งนี้ฉันเห็นไม่เช่นนั้น เป็นกลกันช้างโขลงเข้าโรงใน
    จะทำต่อล่อลวงเหมือนบ่วงดัก ด้วยความรักรัดตีนดิ้นไม่ไหว
    พรุ่งนี้พระจะรักษาพระอาไป ที่วังในนั้นเหมือนหลงเข้าดงรัก
    ฯลฯ
    แม้หลงเลยเชยชมเข้าสมทบ เหมือนสองศพแล้วมิหนำยังซ้ำสาม
    อันพวกพลมนตรีกับพี่พราหมณ์ จะถึงความมรณาชีวาลัย ฯ
                สินสมุทบอกว่าในชาตินี้ตนไม่หลง  แม้มีนางฟ้ามาล่อก็ไม่พอใจ จะตบเสียให้ย่อยยับไป แต่การที่พระอามาเป็นไปเช่นนี้ เป็นการเสียศักดิ์ศรีและน่าอดสู จะแก้ไขอย่างไรก็สุดรู้
                ฝ่ายนางรำภามาถึงวังก็ไปทูลแถลงแจ้งคดีแก่องค์วัณฬาทุกประการ
      นางละเวงเกรงกริ่งลงนิ่งตรึก เห็นเสร็จศึกสมมาตปรารถนา
    จึงว่าเจ้าเอาธุระที่พระอา นางยุพาข้าจะวานผูกหลานไว้
    ฯลฯ
                แล้วนางกษัตริย์ก็ไปหานางยุพา เล่าความตามที่นางรำภาเล่าให้นางคิดอ่าน เอาสินสมุทไปขังไว้ในวัง
    เจ้าช่วยล่อพอละเลิงด้วยเชิงรัก คอยรับพักตรผูกจิตพิสมัย
    พระมนต์ขลังสั่งสอนแต่ก่อนไร  ผู้ใดใกล้ได้กลิ่นก็ยินดี ฯ
                นางยุพาได้ฟังก็สุดที่จะขัดคำได้ จึงทูลตอบว่าตนไม่รักยักษ์มาร แต่ถ้าลวงล่อพอให้ตายก็ยินดีทำได้ องค์ละเวงจึงว่ากล่าวแก่นางว่า ถ้าไปฆ่าสินสมุทก็จะเป็นที่ระคายเคืองแค้น เกิดทุกข์เข็ญ เพราะเหตุว่าเชื้อสายตายไม่หมด
    อันสตรีนี้จะเลือกรูปบุรุษ ก็ยากสุดแสนเข็ญไม่เป็นผล
    เหมือนหนึ่งแม่แต่แรกไม่แปลกปน แต่จำจนด้วยเจ้าทำให้จำเป็น
    ฯลฯ
                นางยุพาได้ฟังก็ยอมรับคำทำตาม
    นี่เหล่ากอหน่อเนื้อเป็นเชื้อแถว ไม่เลือกแล้วลูกจะรักให้หนักหนา
    ถึงจะเถือเนื้อกินไม่นินทา  พระแม่อย่าเคืองขัดถึงตัดรอน ฯ
      นางชื่นชอบตอบว่าอย่าประชด เมื่อถึงบทกลัวจะรักไม่พักสอน
    พรุ่งนี้ผัวตัวจะมาหาบิดร เจ้าจงงอนให้ออกชดเป็นรถทรง
                นางกษัตริย์มาเฝ้าพระอภัย ทูลแนะนำเรื่องที่จะกระทำในวันรุ่งขึ้น
                ศรีสุวรรณพร่ำรำพึงนึกถึงนางรำภาจนฟั่นเฟือนลืมสติคิดว่ารุ่งสางแล้ว แต่ไพร่พลยังไม่ตื่น ออกไปปลุกทหารจนวุ่นวาย พอได้สติจึงกลับเข้าพลับพลา  สินสมุทกับสามพราหมณ์ทราบเรื่องก็ปรึกษากัน แต่ก็ไม่รู้ที่จะผ่อนผันฉันใดดี
                ฝ่ายองค์พระอนุชาแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วออกมาที่หน้าฉาน เห็นหลานรักพร้อมทั้งไพร่พลรอเฝ้าอยู่จึงตรัสถามพระนัดดาตอบว่า พระบิดาประชวร ตนจึงควรตามไปฟังข่าวที่ในวัง
      ศรีสุวรรณอั้นอ้นให้จนจิต จะห้ามผิดเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง
    ถึงมิให้ไปตามห้ามมิฟัง แต่รอรั้งตรึกตราไม่พาที
                แล้วให้พระนัดดาเป็นสารถีออกจากค่าย โดยมีสามพราหมณ์คุมไพร่พลติดตามมา เมื่อถึงประตูเมืองจึงบอกนายประตูว่า
    โอรสกับพระอนุชามาเฝ้าองค์กษัตริย์ นายประตูนำความไปบอกองค์ละเวง นางจึงสั่งให้นางรำภาสะหรีออกไปรับพร้อมกับขรัวนาย
                นางรำภาจัดแจงแต่งกายแล้วพาขรัวนายออกไปรับถึงประตู เห็นพระอนุชาอยู่บนรถ จึงคำนับแล้วทูลว่ามีรับสั่งให้มารับเข้าไปที่ในวัง
    เสด็จจากรถทรงด้วยองอาจ พระหน่อนาถตามเสด็จไม่เข็ดขาม
    เข้าในวังลังกาสง่างาม รำภาตามทูลหนทางมาข้างใน ฯ
                ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาออกมานั่ง มีสนมอยู่พร้อมหน้า  นางยุพามายังห้องทอง อาบน้ำจัดแจงแต่งกายแล้วมาเฝ้า
    นางกษัตริย์ ในตำแหน่งราชบุตรี  นางดูพระธิดาแล้วนึกกริ่มกระหยิ่มใจ
    พอองค์พระอนุชาถึงปราสาท ทั้งหน่อนาถนางรำภาอัชฌาสัย
    ยิ่งชื่นชมสมประสงค์จำนงใน จึงเชิญให้นั่งยังบัลลังก์รัตน์
    พนักงานพานสลาออกมาตั้ง ถวายทั้งพี่น้องสองกษัตริย์
    บ้างนบนอบหมอบกรานอยู่งานพัด นางแกล้งตรัสปราศรัยเป็นไมตรี
    ฯลฯ
                พระอนุชาก็ตรัสตอบนางทางไมตรี แล้วถามการประชวรของพระเชษฐา  นางกษัตริย์ก็ตอบให้ชอบใจแล้วแกล้งเตือนให้นางยุพาทำความเคารพสินสมุทในฐานะที่เป็นพี่ นางยุพาสบตาสินสมุทแล้วภาวนาอาคมทำให้สินสมุทเกิดความซาบซ่านเสียวรักแต่หักอารมณ์ไว้ได้  องค์ละเวงเห็นดังนั้นเกรงว่าจะไม่สมประสงค์ จึงบอกธิดาให้เอาดอกไม้ไปให้สินสมุท เมื่อสินสมุทรับมาดมก็ต้องมนต์ สุดจะห้ามรักหักไว้ได้ ตอบขอบคุณนางแล้วถามชันษาของนาง แต่นางไม่ยอมบอก  นางละเวงเกรงความละลามลวนจึงพูดจาแก้ไขให้
    ยุพานั้นวันพุธเขาพูดมาก เสาร์เป็นปากวาจาว่าใจหาย
    ระกาไก่ได้สิบเก้ากับเดือนปลาย จะถวายให้เป็นน้องของพระองค์
    ฯลฯ
                แล้วสินสมุทกับนางยุพาก็พูดจาแก้เกี้ยวกันไปมา ศรีสุวรรณเห็นว่านัดดาแพ้จึงพูดแก้เกี้ยวกับรำภาแล้วถามนางว่าอยู่ตำหนักไหนเพื่อจะได้แวะไปเยี่ยม  นางรำภาทูลที่อยู่ของนางอยู่ที่ตึกขวางข้างปรัศว์อัฒจันทร์ เป็นห้องเล็กคับแคบไม่คู่ควรที่พระอนุชาจะไปสู่
      พระว่าพี่นี้หรือไม่ถือศักดิ์ ถ้าใครรักรักจนตายไม่หน่ายหนี
    เหมือนหนึ่งเจ้าเผ่าพงศ์วงศ์ผู้ดี ทั้งเป็นที่ท่านเจ้าเมืองก็เลื่องลือ
    ฯลฯ
    ถึงคับทื่มีผัวว่าอยู่ได้ แต่คับใจอยู่ยากลำบากเหลือ
    เจ้าเป็นโสดโปรดปรานเหมือนว่านเครือ ช่วยแผ่เผื่อพี่บ้างอย่าหมางเมิน ฯ
                องค์ละเวงได้ฟังแล้วเห็นว่าถ้าจะนั่งอยู่ด้วยก็จะเกิดความขวยเขิน จึงแสร้งสั่งนางรำภาให้ไปจัดพระปรัศว์แท่นทองเป็นห้องกั้นให้ แล้วให้นางเป็นคนปรนนิบัติหัดกำนัล ให้คอยดูแลพระอนุชา แล้วสั่งบุตรีให้จัดห้องของตนให้สินสมุทผู้เป็นเชษฐาพักตามประสาที่เป็นวงศ์วานกัน  ส่วนตัวนางเองจะไปดูแลองค์กษัตริย์
                พระอภัยคอยสดับตรับฟังอยู่ได้รู้ความ แล้วก็ชอบใจ เห็นว่าศรีสุวรรณนั้นชำนาญการเกี้ยว แต่สินสมุทนั้นสุดเคอะเลอะเทอะแท้ จะใคร่แก้แทนลูกให้ถูกใจ พอองค์ละเวงมาเฝ้าแล้วทูลแจ้งแถลงไขว่า จะปัดป้องทัดทานก็เกรงหน่อไทกับพระอนุชา
      พระพาทีมิให้ดังว่าชั่งเขา จะยั่วเย้ายุให้รักนั้นหนักหนา
    เหมือนพันผูกปลูกฝังไว้ลังกา อย่าไปว่าเขาเลยน้องไม่ต้องการ
    ฯลฯ
                สินสมุทเฝ้าเซ้าซี้ให้นางยุพาไปจัดห้อง ศรีสุวรรณก็ถามหาห้องปรัศว์ที่จัดไว้เพื่อที่จะขอเอนหลัง
      นางรำภาว่าพุคะจะไปจัด แล้วลาลัดเลยไปเสียให้หาย
    เข้าห้องนอนซ่อนหน้าระอาอาย วันนี้ชายชิดแล้วไม่แคล้วเลย
    ฯลฯ
                นางนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วก็คิดกระอักกระอ่วนป่วนอารมณ์ แล้วนึกอายที่จะต้องเคล้าคลึงแล้วมีท้อง
                สินสมุทอ้อนออดนางยุพาให้จัดห้องอย่างที่นางรำพาจัดให้พระอา นางยุพาก็พยายามพูดจาบ่ายเบี่ยง สินสมุทสู้คารมนางไม่ได้จึงเฝ้าอ้อนวอนนางอยู่ พอองค์ละเวงมาบอกพระอาการของพระอภัยว่าพอประทัง พระอภัยก็แกล้งบอกว่าพระองค์เจ็บหนัก หากแต่ได้ยาดีมาแก้ไว้ทันจึงรอดไม่วอดวาย แล้วชักม่านปิดอยู่ห้องใน
                พอพลบค่ำองค์ละเวงก็พาหน่อไทไปที่ห้องของธิดา บอกให้นางยุพาคอยปรนนิบัติ สินสมุทมีความยินดีบอกว่าพระชนนีมีเมตตา
    จะซื่อสัตย์ปฎิญาณเหมือนมารดา อยู่ลังกากับพระชนนี
    นางโฉมยงสงสารด้วยหวานหู แสร้งค้อนขู่นางยุพามารศรี
    ฯลฯ
                กำชับนางยุพาแล้วออกมาเห็นพระอนุชานั่งคอยอยู่ จึงเรียกบุตรีสุลาลีวัน ให้เชิญพระอาไปที่ห้องที่เตรียมไว้ คือตึกทองห้องที่สะบุรีอยู่ นางรำภาก็เข้ามาเฝ้าปรนนิบัติ ศรีสุวรรณเสวยน้ำจัณฑ์จนเมาหลับไป
                ฝ่ายสินสมุทเฝ้าเกี้ยวพาราสีนางยุพา นางพยายามเบี่ยงด้วยประการต่าง ๆ สินสมุทก็ไม่ละความพยายาม
      พระกอดเกี้ยวเกลียวกลมประทมประทับ นางคำนับน้อมรักสมัครสมาน
    ไม่ห่างเหินเพลินเชิงละเลิงลาน เหมือนคชสารสู้หมอลงขอฟัน
    ฯลฯ
    ด้วยรุ่นสาวคราวหนุ่มต่างชุ่มชื่น ลืมอื่น ๆ อับอายก็หายหมด
    นางยุพาแต่ก่อนนั้นงอนชด ครั้นรู้รสเชิงชายเหือดหายงอน
    ฯลฯ
    ประทานโทษโปรดน้องขอรองบาท จนสิ้นชาติชาตินี้ไม่หนีหาย
    ไม่แกล้งว่าฟ้าผี่ถ้าผัวตาย มิให้ชายอื่นมาเป็นสามี ฯ
                ฝ่ายศรีสุวรรณตื่นบรรทมตอนเช้าแล้ว ตามหานางรำภามาพบที่ห้องสมุด จึงเข้ามาเกี้ยวพาราสี นางรำภาก็ทัดทานบ่ายเบี่ยงด้วยประการต่าง ๆ
    อย่าหยอกเล่นเช่นนั้นหม่อมฉันแค้น ที่ข้างแท่นถมไปสิไม่เหวย
    มาลักโลมโจมจู่เหมือนชู้เชย ฉันไม่เคยคบชายให้อายใจ ฯ
                นางรำภาต่อคำศรีสุวรรณด้วยประการต่าง ๆ
    จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูอยู่ที่นี่ มเหสีเคยคู่จะอยู่ใน
    ไม่ถึงปีนี่ก็จะสละไป กลัวจะไม่เหลียวหลังดูลังกา
     ฯลฯ
      พระว่าห้ามความอื่นพอขืนหัก จะห้ามรักนี่พี่ห้ามปราบไม่ไหว
    วาสนาแม้ว่าพี่มีฉันใด จะเลี้ยงให้แม้เหมือนไม่เคลื่อนคลาย
    ฯลฯ
    แม่ชุบเลี้ยงหม่อมฉันอย่างนั้นแน่ สุดแล้วแต่ทูลกระหม่อมจะยอมหมด
    แต่โปรดรอพอตะวันลับบรรพต  นางเปลื้องปลดปลิดหัตถ์สบัดกร ฯ
      พระกอดแอบแนบเนื้อว่าเหลือรัก สุดจะหักห้ามหายนะสายสมร
    พระสุริยันนั้นสว่างกลางอัมพร เรานั่งนอนอยู่ในตึกนี้ลึกลับ
    ฯลฯ
    พลางอิงแอบแนบชิดจุมพิตพักตร นางพลิกผลักพระหัตถ์คอยขัดขวาง
    แล้วว่าพระจะมาคิดให้ผิดทาง อายสีสางเทวดาหนักหนานัก ฯ
                ศรีสุวรรณไม่ฟังนาง พยายามเล้าโลมจนเป็นผลสำเร็จ
    พลางกอดเกี้ยวเกลียวกลมสมสังวาส ไม่เคลื่อนคลาดเคล้าเคล้นเหมือนเช่นฝัน
    ดวงดาวเดือนเกลื่อนสว่างออกกลางวัน อัศจรรย์จวนเที่ยงเหมือนเสียงโทน
    ฯลฯ
      นางลืมกายหายกลัวมีผัวลูก เหมือนเพชรถูกน้ำค้างสว่างไสว
    เฝ้าหมอบเมียงเคียงชิดด้วยติดใจ ขออภัยได้ผิดพลั้งแต่หลังมา
    อย่าถือโทษโปรดน้องขอรองบาท จนสิ้นชาติสิ้นชีวังสิ้นสังขาร์
    แม้ทิ้งขว้างห่างเหให้เอกา ต้องน้อยหน้าน้องจะขอเชือดคอตาย ฯ
                ทั้งสามองค์หลงสามนางด้วยประการดังกล่าว อุปมาเหมือนหนึ่งหนังตั้งประชัน
    พระปิตุรงค์หลงเพลงละเวงน้อย พระน้องพลอยรักรำภาหลับตาฝัน
    โอรสหลงองค์ยุพาวิลาวัณย์ เหมือนช้างมันหมอชโลงโยงเข้าซอง
                ฝ่ายสามพราหมณ์รออยู่ที่ประตูนอก เมื่อไม่เห็นกลับออกมาสักองค์ก็นึกสงสัย เห็นว่าผิดประหลาด พอรุ่งเช้าก็เข้าไปสั่งอีกครั้ง ให้ทูลถึงองค์พระอนุชาและโอรสว่า ถ้าไม่ได้พบกันจะพาพวกเสนาเข้าไปตาม ศรีสุวรรณได้รับทราบแล้ว จึงให้สินสมุทไปสั่งความแก่สามพราหมณ์ให้เลิกทัพกลับไป สามพราหมณ์รู้ว่าคลั่งกำลังหลง พยายามพูดจาให้เหตุผล
    ฟังพี่ว่าอย่าไปอยู่ศัตรูเก่า จะมัวเมาว่านยาเป็นบ้าหลัง
    แม้ว่ากล่าวคราวนี้ถ้ามิฟัง เหลือกำลังแล้วก็เห็นไม่เป็นการ
    ฯลฯ
                สินสมุทไม่ฟังคำสามพราหมณ์คืนกลับไปในวัง สามพราหมณ์ปรึกษาความกันตกลงจะบอกข่าวเรื่องราวไปเมืองผลึก ถึงองค์พระมเหสีเชิญสุดสาครมาไล่ผีฝรั่งเมืองลังกา
    เห็นพร้อมจิตคิดทำเป็นคำบอก ใส่กลักพอกครั่งปิดผลิดฝา
    ให้ม้าใช้ไปยังฝั่งชลา ลงเภตราข้ามคุ้งไปกรุงไกร ฯ


    ตอนที่ ๓๘  นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา

                ฝ่ายสุวรรณมาลีคิดถึงพระอภัยที่ไปทัพ พอตกดึกคืนวันหนึ่งก็ฝันว่า

    ว่าเดือนหงายฉายช่วงดวงกระเด็น มาติดเป็นเพลิงร้อนเผากรกาย
    แล้วสตรีมีศัสตราวิ่งมาตัด ทั้งสองหัตถ์นางนาฎนั้นขาดหาย
    ความเจ็บแสบแทบไม่รอดจะวอดวาย พอมีชายเหาะมาแต่ประจิม
    เอาน้ำมันมาให้ใส่เป็นขวด ที่เจ็บปวดหายเห็นเป็นปัจฉิม
    แล้วหยิบซ้ำทิพรสให้ซดชิม นางกลืนอิ่มอมฤกรู้สึกองค์
    ฯลฯ
                พอรุ่งขึ้นจึงให้หาโหรมาเล่าความฝันให้ฟัง
    พระโหรดูรู้โชคโฉลกวัน ฝันว่าจันทรแจ่มฟ้าในราตรี
    ต้องตำราว่าหญิงช่วงชิงคู่ ไปเป็นชู้เชยชมประสมศรี
    ซึ่งเดือนหงายกลายเห็นเป็นอัคคี ต้องอินทรียสายสมรให้ร้อนรน
    จะเกิดความลามลุกเป็นยุคเข็ญ ให้จำเป็นรวนเรระเหระหน
    ซึ่งหัตถ์ขาดญาติที่รักร่วมพระชนม์ จะมีคนเขามาพรากให้จากไป
    ซึ่งมีผู้รู้วิชาคืออารักษ์ จะช่วยชักชายแก่มาแก้ไข
    อันกลืนน้ำอมฤกนึกสิ่งไร ก็จะได้เสร็จสมอารมณ์ยิน
    ฯลฯ
                แล้วทูลว่าวันนี้จะมีข่าวมาบอกกล่าวจากทางทิศทักษิณ  เมื่อโหรทูลลาไปแล้ว ผู้ถือหนังสือของสามพราหมณ์ก็มาถึงทูลความเรื่องกองทัพ  พระนางให้เปิดใบบอกออกอ่านมีความว่าพราหมณ์วิเชียร โมรากับสานนท์ที่ไปทัพตีได้ด่านจนถึงลังกา นางละเวงเกรงทัพไม่ทำการรบ แต่กลับใช้เสน่ห์เล่ห์กลจนทั้งสามองค์หลงกล วอนว่าอย่างไรก็ไม่ฟัง องค์กษัตริย์รักละเวง พระอนุชารักนางรำภา หน่อกษัตริย์สินสมุทรักพระบุตรียุพาผกา ได้เข้าไปอยู่ในวังทั้งหมดแล้วให้กองทัพกลับเมืองผลึก ตนเกรงว่าฝรั่งจะทำร้ายทั้งสามองค์เมื่อปลายมือ
    ข้าพเจ้าเหล่านี้สิ้นที่พึ่ง จนใจจึงแจ้งความตามหนังสือ
    เหมือนดินหูอยู่ใกล้กองไฟฮือ ลมกระพือพัดวับดับชีวัน
    ฯลฯ
                พระมเหสีฟังเรื่องแล้วให้เคืองขัดอัดอั้น นึกตำหนิสินสมุทกับพระอนุชา
    ดำริพลางนางว่ากับข้าเฝ้า พระผ่านเกล้ากลับชาติศาสนา
    จำจะตามข้ามฝั่งไปลังกา ให้เรือใช้ไปหาสุดสาคร
    แล้วก็ให้ไปบุรีรมจักร แจ้งพระอัคเรศความตามอักษร
    เร่งชำระพระที่นั่งเรือมังกร  กับเรือจรเจ็ดลำเป็นกำลัง
                แล้วพระมเหสีก็นำความไปทูลพระชนนี แล้วขอทูลไปลังกาพร้อมพระธิดาทั้งสององค์  พระมารดาว่าใคร่จะไปด้วย แต่
    พระนางทูลว่าขอให้อยู่ดูแลเมือง ส่วนตนไปครั้งนี้ถ้าการไม่สำเร็จจะไม่ขอกลับเมือง
      ฝ่ายเสนามานั่งสั่งเสมียน ให้เร่งเขียนสารสองบุรีศรี
    ครั้นเสร็จสรรพพับปิดผนิดดี ให้เสนีเรือใช้รีบไคลคลา
    ฯลฯ
                พระมเหสีกับสองธิดาลงเรือเดินทางไปลังกาได้เจ็ดวันก็ถึงเขตเมืองลังกา ขึ้นไปเมืองใหม่ เมื่อกองทัพรมจักรทราบว่าพระมเหสีกับบุตรีมาก็พากันมาเฝ้า
      นางตรัสสั่งทั้งหลายพวกนายทัพ เราจะยับยั้งทหารชาญสมร
    ถึงช้าหน่อยคอยท่าสุดสาคร มาถึงก่อนจึงจะยกขึ้นบกไป
    ฯลฯ
                ฝ่ายเรือข่าวชาวผลึกแล่นไปถึงเมืองการะเวก เข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วอ่านสารมีความว่า พระมเหสีสุมาลีขอเชิญพระโอรสให้รีบตามไปยังเมืองลังกาเพื่อช่วยพระบิดา ขณะนี้ทั้งพระพี่ยาและพระอาได้ไปพบรักอยู่ในวัง
    แล้วยกความพราหมณ์บอกนั้นออกอ่าน ราชสารเบื้องต้นแต่หนหลัง
    พระลูกยามาช่วยด้วยสักครั้ง แม่จะรั้งรอท่าอย่าช้าการ ฯ
      กษัตริย์สุริโยทัยได้สดับ เป็นเรื่องรับรสรักสมัครสมาน
    ผิดขนบรบสู้แต่บุราณ จึงบรรหารตรัสว่าสุดสาคร
    ฯลฯ
                สั่งให้รีบพาสองน้องรักรีบไปช่วย กำชับอย่าให้ไปเข้าด้วยกับฝรั่ง
    อย่าคบค้าฝรั่งจะพลั้งพลาด ตัดให้ขาดความรักหักประหาร
    ช่วยชีวิตบิตุรงค์ทั้งวงศ์วาน สำเร็จการแล้วก็พากันมาเมือง ฯ
                สุดสาครทูลว่าตนยังทรงหนังเสือเหลืองอยู่เหมือนหนึ่งเณร ยังคำนึงถึงความเป็นนักบวชอยู่  พระบิดาก็เตือนว่าอย่าเชื่อหนังเสือเหลืองนัก
    ท่านผู้รู้สำเร็จยังเข็ดรัก ไม่ปลอมปลักปลีกไปเสียไพรสาณฑ์
    แม้อยู่เฝ้าเคล้าเคลียจะเสียการ จงคิดอ่านออกองค์ให้จงดี ฯ
      พระรับสั่งบังคมประนมสนอง ไม้เท้าของครูให้เคยไล่ผี
    ถึงเสน่ห์เล่ห์ลมอาคมดี เอาไม้ตีหายฤทธิ์ประสิทธิ์นัก
    ฯลฯ
                แล้วทูลว่าที่โปรดให้ไปกับสองพระน้องนั้น ขอให้กนิษฐาอยู่รับใช้พระบิดา ตนจะพาองค์อนุชาไปผู้เดียวจะได้ปรึกษากัน นางเสาวคนธ์ได้ฟังก็น้อยใจที่สุดสาครไม่ให้ไปด้วย หาว่าไม่เที่ยงธรรม พระปิตุราช มาตุรงค์จึงว่าอนุชาเป็นชายจึงควรไป ส่วนตัวเป็นหญิงควรจะอยู่ควรอยู่ดูแลพวกสุรางค์นางกำนัล
    แล้วตรัสสั่งเสนาวายุพัด จงเร่งรัดยาตราโยธาหาร
    ให้พี่น้องสองตามความสำราญ ทั้งตัวท่านจงไปด้วยช่วยระวัง ฯ
                 สุดสาครกับหัสไชย เดินทางเรือไปตามแผนภูมิ คิดถึงเสาวคนธ์ที่เคยเดินทางไปด้วยกัน พอตกค่ำยามเย็นก็สั่งให้สาวสวรรค์ ร้องดอกสร้อยลำนำ
    สั่งให้เหล่าสาวสุรางค์นางน้อยน้อย ร้องดอกสร้อยลำนำเฉื่อยฉ่ำเสียง
    ประสานซอหน้าทับรับจำเรียง เสียงพร้อมเพรียงเพราะพร้องทำนองใน
    ฯลฯ
                หัสไชยให้พระพี่ช่วยตีทับ ส่วนตนขับตามประชาอัชฌาสัย สุดสาครชมว่าอนุชาขับได้เพราะพริ้ง จึงขับบ้าง
    โอ้ยามหนาวดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย น้ำค้างคอยพร่างพรมเมื่อลมหวน
    คิดถึงเนื้อเจือจันทน์ยิ่งรัญจวน เหมือนขะชวนชื่นจิตคิดคนึง
    ฯลฯ
                แล้วทั้งสองก็พากันหลับไป
      สุดสาครนอนวันนั้นก็ฝันร้าย ว่าลงว่ายกลางมหาชลาไหล
    ไม่เห็นฝั่งดังชีวันจะบรรลัย ปะงูใหญ่ผุดขึ้นพบได้รบกัน
    มันกอดเกี้ยวเกลียวกลมจมสมุทร ทะลึงผุดเพียงชีวาจะอาสัญ
    แต่พอแม่มัจฉาว่ายมาทัน ให้ดื่มถันกล้ำกลืนค่อยชื่นใจ
    พระโยคีที่เป็นครูมาอยู่ด้วย ที่เจ็บป่วยบาดแผลท่านแก้ไข
    พอพลิกฟื้นตื่นตะลึงคะนึงใน จนรุ่งให้โหรทายให้หายแคลง ฯ
      โหรชำระพระสุบินจนสิ้นเสร็จ ไล่ฤกษ์เกร็ดคูณหารวิตถารแถลง
    ฝันว่าว่ายสายสมุทรจนสุดแรง จะพลัดแพลงถิ่นฐานรำคาญเคือง
    ซึ่งงูรัดกับขบจะพบคู่ ได้สบสู่กับสตรีฉวีเหลือง
    ข้างต้นร้ายปลายมื้อรื้อประเทือง จะรุ่งเรืองฤทธิรงค์สืบวงศ์วาน ฯ
                เดินทางมาได้สิบห้าคืน โดยไม่หยุดก็ถึงฝั่งลังกาท่าสงคราม แล้วชวนหัสไชยไปเฝ้าพระมเหสี ได้พบกับสร้อยสุวรรณ จันทรสุดา ออกมาไหว้ผู้เป็นพี่เป็นที่ชื่นชมหรรษา
                พระมเหสีตรัสให้สุดสาครไปช่วยแก้ไขทั้งสามองค์ให้กลับฟื้นคืนมา สุดสาครทูลตอบว่า การที่จะแก้ไขนั้น ถ้าอยู่ห่างก็ไม่แน่ ต้องไปดูให้เห็นประจักษ์
    นางตรัสตอบชอบแล้วลูกแก้วแม่ เหมือนช่วยแก้เกียรติยศที่อดสู
    แต่ระวังครั้งนี้ดังตีงู มันคงสู้หมอแล้วไม่แคล้วเลย
    ฯลฯ
                แล้วพระมเหสีก็สั่งการให้กองทัพให้เตรียมยกไปลังกา พอรุ่งสว่างก็ยกกำลังออกไป
    ถึงดงตาลด่านกลางขุนนางพร้อม ต่างนบน้อมนางกษัตริย์ตรัสปราศัย
    ประทานทรัพย์เสื้อผ้าแล้วคลาไคล  เสด็จไปถึงเข้าเจ้าประจัญ
    เห็นปืนรายค่ายคูประตูด่าน ป้อมปราการแม้นเหมือนหนึ่งเขื่อนขัณฑ์
    ยังตีได้ไม่ข้ามถึงสามวัน  สติปัญญาเลิศประเสริฐชาย
    ฯลฯ
    ออกจากเขาเจ้าประจัญเสียงครั่นครึก เข้าดงลึกแดนด่านห้วยธารไหล
    เป็นป่าหลวงจวงจันทน์พรรณดอกไม้ ทั้งเปลือกใบรากหอมมีพร้อมเพรียง
    ฯลฯ
    ออกทุ่งกว้างทางเลี่ยนเตียนตะล่ง  พออัสดงเดือนกระจ่างสว่างไสว

    • Update : 10/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch