หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/24

    ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ

                ฝ่ายเสนีที่ถือหนังสือบอก เมื่อมาถึงเมืองลังกาแล้วก็เข้าไปในวังถวายหนังสือนั้นแก่นางละเวง ในหนังสือนั้นได้เล่าความที่เกิดขึ้นทั้งหมด สุดท้ายแจ้งว่าขณะนี้ข้าศึกได้ล้อมเขาเจ้าประจัญอยู่
                ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาทราบความแล้วก็ให้เชิญบาทหลวงมาไต่ถามว่าจะคิดอ่านประการใด

      ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง ฉลาดล่วงพูดจาอัชฌาสัย
    จะปราบศึกนึกเห็นไม่เป็นไร  กลัวแต่ใจจะไม่ทำเหมือนคำเรา ฯ
                นางละเวงได้ฟังก็นิ่ง คิดถึงความฉลาดล้ำลึกของบาทหลวง จึงตอบไปว่านางคิดจะแก้แค้นแทนพระบิดา และพระเชษฐา แต่ขัดสนจนอยู่ที่เป็นผู้หญิง
                บาทหลวงได้ฟังจึงกล่าวว่ากำลังพลคนอื่นเป็นหมื่นพันก็เห็นจะป้องกันข้าศึกไม่ได้  ถ้าคิดจะพิฆาตข้าศึก ให้ลวงล่อให้พระอภัยเป่าปี่ พวกไพร่พลในกองทัพจะหลับไหลไปหมด แล้วจึงลวงทางเสน่ห์ พระอภัยก็จะไม่รอดในครั้งนี้
                ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาจึงให้ความเห็นว่า หากว่าฆ่าพระอภัยได้แล้วก็ยังมีลูกชายกับน้องทั้งสองคน รวมทั้งสามพราหมณ์ก็มีฝีมือร้ายกาจ ชำนาญเวทมนต์ทั้งคงทนต่ออาวุธ พวกเขาเหล่านั้นก็จะร่วมกันรุกรบ เห็นว่าฝ่ายเราจะต้านทานไม่ไหว
      บาทหลวงว่าถ้านายวายชีวิต จะรับคิดเข่นฆ่าโยธาหาญ
    จะไปด้วยช่วยกันประจัญบาน เอาเพลิงผลาญเสียให้ยับทั้งทัพชัย ฯ
                นางกษัตริย์ฟังคำสังฆราชแล้วเห็นว่ามีความฉลาดล้ำ เมื่อทำตามนั้นแล้วเห็นจะชนะข้าศึกได้ แต่แค้นใจตนเองว่าเมื่อพบพระอภัย
    แล้วจะใจอ่อนไม่ยอมฆ่า แล้วกลับคิดแค้นว่าพระอภัยได้ฆ่าพระบิดาของตน จึงหักใจจะคิดรบด้วยความโกรธ แล้วขอให้ครูเฒ่าไป
    ด้วยกันเพื่อช่วยกันพากันยกกำลังห้าหมื่นยกไปตั้งที่เขาเจ้าประจัญเพื่อป้องกันเมือง
      ฝ่ายสามนางต่างพากันมาเฝ้า แล้วทูลเล่าขอความไปตามเรื่อง
    ออกชิงชัยไพร่นายก็ตายเปลือง  ข้าศึกเนื่องหนุนกันประจัญบาน ฯ
                ฝ่ายพระบาทหลวงได้ชวนลูกสาวเจ้าลังกาขึ้นไปบนปราสาทแล้วตรวจดูการวางกำลังของข้าศึก
    เห็นทัพล้อมพร้อมพหลพลผลึก กระหึ่มฮึกโห่ลั่นสนั่นหู
    ทั้งหกค่ายรายรอบริมขอบคู  กระบวนปูเปิดก้ามตามตำรา
                เมื่อเห็นท่วงทีทัพข้าศึกดังนั้นแล้วก็มาปรึกษากันว่าจะแต่งสารไปเจรจากับพระอภัยมณี
    เป็นใจความตามขนบที่รบพุ่ง ให้ลือเลื่องเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
    ใส่กล่องแก้วแล้วปิดผนึกดี ให้เสนีราชทูตไปพูดจา ฯ
      เสนานำคำนับแล้วรับสาร มาใส่พานมรกตขึ้นรถา
    ออกประตูคูแห่แตรลังกา เป่าไปหน้ารถทั้งกังสดาล
    ถึงกองทัพยับยั้งอยู่ข้างนอก ให้ร้องบอกประกาศราชสาร
    พระอภัยให้ถามตามโบราณ ครั้นทราบการก็ให้รับมาพลับพลา
    พระออกนั่งยังที่เก้าอี้รัตน์ สองกษัตริย์เฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา
    ทหารล้อมพร้อมพรั่งฟังกิจจา เจ้าโมราคลี่สารออกอ่านพลัน
      ในสารว่าพระองค์ดำรงราชย์ บรมบาทบังอรอัปสรสวรรค์
    ทรงพระนามตามยศทศธรรม์ ละเวงวัณฬาลบภพไตร
    บำรุงราษฎร์ศาสนาให้ผาสุก ประเทศทุกภาษาได้อาศัย
    ฯลฯ
                การที่มารบกับพระอภัยก็ให้สงสารไพร่พลที่ต้องล้มตายไปเป็นอันมาก จึงคิดจะขอต่อตีกับพี่น้องสองต่อสอง ตามสงครามอย่างโบราณ ถ้าหากนางเพลี้ยงพล้ำก็จะยกลังกาทั้งอาณาเขตให้เป็นของพระอภัย ถ้านางชนะจะขอสัตย์ปฎิญาณจากพระอภัยแล้วปล่อยไปไม่สังหารผลาญชีวิต ถ้าแม้พระอภัยไม่สู้ผู้หญิงก็ให้ทิ้งอาวุธเสีย แล้วเลิกทัพกลับไปหานางสุวรรณมาลี
      พระอภัยใจซื่อถือว่าหึง ยิ่งคิดถึงนางวัณฬามารศรี
    ปราศัยทูตพูดตามความบุตรี ว่านางมีลูกผัวคือตัวใคร ฯ
                ฝ่ายฝรั่งจึงทูลตอบว่าใครจะมาเป็นคู่ครองของพระนางได้ แม้จะมีกษัตริย์มาจากสามโลก พระนางก็ไม่ยินดี ส่วนพี่น้องสององค์นั้น พระนางเลี้ยงไว้เป็นพระราชบบุตรี
    แล้วทูลถามตามทำนองว่ากองทัพ จะรบรับหรือจะล่าโยธาหาญ
    จะออกโอษฐ์โปรดตรัสดำรัสการ ขอประทานแต่ไม่พอไปได้กราบทูล ฯ
      ศรีสุวรรณครั้นเห็นนิ่งจึงชิงตรัส อันกษัตริย์สูงใหญ่เจ้าไอศูรย์
    สงวนยศงดงามตามประยูร ต่ำตระกูลก็ให้ข้าเข้าราวี
    เหมือนหญิงสู้ผู้ชายเสียดายยศ เปรียบเหมือนคชสารสู้กับหนูผี
    ฯลฯ
                แล้วจึงกล่าวแก่ทูตว่า เจ้านายของทูตมีผัวชู้ คบเจ้าเมืองสิบสามเมืองเป็นสามีไปรบกับเมืองผลึก จึงยกทัพมาลงโทษ ถ้าแม้มาอ่อนน้อมก็จะไว้ชีวิต แต่ถ้ายังคิดจะต่อสู้ ก็ควรที่จะถูกฆ่าให้ตาย ให้ทูตกลับไปบอกนางละเวง ให้มาสู้กับตนจึงคู่ควร
                พระอภัยไม่เห็นชอบด้วยกับศรีสุวรรณ บอกว่าไม่ควรขัดข้องเคืองขุ่นทำหุนหัน ผิดชอบอย่างไรควรตอบคำให้น้ำนวล ไม่ควรโกรธ แล้วหยิบสารลานทองมาเขียนตามที่คิด โดยไม่แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ ส่งให้ทูตถือกลับไป
                ศรีสุวรรณต่อว่าพระอภัยว่า การที่พระอภัยเขียนสารตอบไปโดยที่พวกตนทั้งหมด ไม่ได้ล่วงรู้นั้นอาจจะเกิดพลาดพลั้งในสงครามได้
                พระอภัยตรัสตอบว่า เราจะใช้ตีด้วยฝีปากไม่ให้ไพร่พลต้องเหนื่อยยาก ด้วยพระองค์เข้าใจกลศึกที่ลึกซึ้ง การที่นางละเวงชวนรบนั้น คงจะมีจิตคิดถึงที่ท้าทายมานั้น ในปลายคำได้รำพึงเป็นเชิงหึง เห็นว่าจะมีความรักหนักอกอยู่ แล้วตรัสต่อไปว่า
    ข้างพวกเจ้าเล่าก็ชายนายทหาร จะคิดการมิได้ห้ามตามประสา
    เห็นอย่างไรไม่ห้ามตามอัชฌา การของข้าข้าจะตอบตามชอบใจ ฯ
                ศรีสุวรรณครั้นจะทูลโต้แย้ง ก็กลัวพระเชษฐาจะกริ้วโกรธ จึงทูลลามาสั่งกำชับให้ระวังรักษาหน้าที่ของตน
      ฝ่ายอำมาตย์ราชทูตมาถึงด่าน ถวายสารนางวัณฬามารศรี
    ทูลแถลงแจ้งความตามคดี พระบุตรีคลี่สารแล้วอ่านความ ฯ
                ในสารพระอภัยได้เขียนแสดงความรักความอาลัยในนางละเวง บอกว่าถ้านางตัดรักหักสวาท ไม่ยอมเป็นไมตรีก็จะยอมให้นางฆ่าเสีย ถ้าไม่ตัดรักก็จะฟูมฟักเข้าประคองครองสงวน
      นางฟังความยามเศร้ายิ่งเหงาง่วง พระบาทหลวงร้องว่าเอทำเหหัน
    เห็นได้ทีมิทำที่สำคัญ จะมีอันตรายเพราะตายใจ ฯ
                นางละเวงเกรงว่าครูจะรู้ความในใจ จึงแกล้งถามว่าที่จะไปฆ่าพระอภัยนั้น เห็นจะทำได้ด้วยเล่ห์กล ส่วนที่จะเผาผลาญทหารข้าศึกนั้น ยังคิดไม่ตกว่าจะทำได้เหมือนใจหมาย จึงขอทราบกลอุบายจากบาทหลวง
    บาทหลวงว่าถ้าเขาได้เป่าปี่ พวกโยธีกองทัพคงหลับไหล
    แต่พวกเราเอาปรอทหยอดหูไว้ ให้ถือไฟฟางหญ้าทาน้ำมัน
    กองดินเป็นรอบเป็นขอบนอก เอาเพลิงคลอกโยธาให้อาสัญ
    ถึงอยู่ปืนยืนยงคงกระพัน  ก็เห็นมันจะไม่รอดคงวอดวาย ฯ
                นางวัณฬาเห็นด้วยแล้วมอบทหารให้บาทหลวงไปดำเนินการ แล้วขึ้นไปประทับบนพลับพลา ที่หน้าป้อมดูความพร้อมของไพร่พล
    นางวัณฬาอาวรณ์ถอนสะอื้น สุดจะขืนข่มรักหักประหาร
    คิดจะฆ่าพระอภัยเห็นได้การ แต่สงสารสาราที่อาวรณ์
    เมื่อแรกพบน้องได้ลองจิต เห็นทรงฤทธิ์แสนรักเหมือนอักษร
    จะตัดรักหักสวาทไม่ขาดรอน สะท้อนถอนฤทัยไม่ไสยา
                นางละเวงได้ฝันไปว่า บาทหลวงจุดเพลิงตะเกิงกอง พระอภัยเข้ามากอดจนกายขาดออกเป็นสองท่อน พระอภัยได้ประคองหัตถ์เอาไว้ นางได้เล่าความฝันให้สามนางฟัง แล้วถามว่าใครเคยทำนายฝันได้บ้าง นางยุพาทูลตอบว่า นางได้เรียนมาจากครู แล้วให้คำทำนายว่า พระอภัยจะไม่ตายแต่จะกลับกลายเป็นคู่ครองของพระนาง และชาติฝรั่งจะเสื่อมทั้งศักราช พระศาสนา พระอภัยจะรักษาสัตย์สวาทไม่คลาดคลาย ส่วนบาทหลวงจะโกรธมาก และไม่ยอมหายโกรธ
      นางลูบอกตกตลึงรำพึงคิด นึกพินิจเหมือนจะจริงทุกสิ่งสรรพ์
    นางปรึกษาว่าเป็นไปเช่นนั้น จะผ่อนผันแก้ไขฉันใดดี ฯ
                ทั้งสามนางก็จนจิต นางยุพานึกได้ว่าหนังสือที่พระบาลีให้ไว้สำหรับเมื่ออับจน จึงได้เอาออกมาอ่าน
    ว่าถึงยุคทุกภาษาจะมาปน ด้วยตั้งต้นแต่ลูกสาวเจ้าลังกา
    พระอภัยอย่าได้หมายทำร้ายเขา จะสูญเผ่าพงศ์ชาติพระศาสนา
    เป็นคู่สร้างนางละเวงวัณฬามา ถึงไตรดายุคแล้วไม่แคล้วกัน
    ฯลฯ
    เมื่อแม่เลี้ยงได้ผัวตัวเป็นลูก จงพันผูกพึ่งพาเป็นราศี
    ตามวิสัยในจังหวัดปฐพี อย่าถือผีพวกฝรั่งเมืองลังกา
    ฯลฯ
      นางรัมภานารีคนมีสัตย์ สุดจะขัดสุดจะขืนฝืนนิสัย
    ต้องทูลความตามจริงทุกสิ่งไป ถึงใจไม่ปรารถนามีสามี
    เมื่อเคราะห์กรรมจำเป็นเหมือนเช่นข้า ต้องชั่วช้าชายต้องให้หมองศรี
    ฯลฯ
    พระแม่เจ้าเล่าก็ยังกำลังสาว ทุกไทท้าวเธอนิยมประสมศรี
    ฉวยเสียเมืองเบื้องหน้าจะราคี เป็นสตรีสำหรับจะอับอาย
    พระอภัยให้สัตย์จะตัดศึก จงทรงตรึกตรองการประมาณหมาย
    แม้ลวงหลอกคลอกเผาเขาไม่ตาย จะฉิบหายสิ้นทั้งเกาะลังกา
    อันหนังสือมือเสื้อคงเชื่อได้ ด้วยเขียนไว้ก่อนกาลนานหนักหนา
    คำโบราณท่านว่าคิดผิดตำรา ไปเบื้องหน้าจะลำบากได้ยากเย็น
                นางวัณฬาเกรงว่าจะสู้เขาไม่ได้ แต่ได้สั่งพระบาทหลวงว่า จะลวงล่อมาฆ่าให้อาสัญ ถ้าไม่ทำเขาก็จะโกรธ แล้วจะทำฉันใดดี นางรำภาว่าให้ออกไปพบ เมื่อพระอภัยไม่รบเหมือนอย่างที่มีสารมา จึงค่อยถอยทัพกลับเข้าเมือง ถึงแม้พระบาทหลวงจะรู้ว่าเราหย่าทัพ ก็เป็นการที่จะคิดแก้ไขกันต่อไป
                ฝ่ายฝรั่งสังฆราชก็สั่งให้ทหารทั้งปวง เอาปรอทหยอดหู เก็บฟางหญ้าฟืนตองมาสำรองไว้ ถ้าโบกธงให้ตรงออกไป คลอกทัพที่กำลังหลับอยู่ให้ตายทั้งหมด ทุกคนก็ไปเตรียมตัวพร้อมตามที่สั่งการ
                ฝ่ายพระอภัยคิดคำนึงถึงลูกสาวเจ้าสิงหล ไม่คิดเรื่องการรบ คิดแต่จะใคร่พบนางอยู่ตลอดเวลา พอเช้าตรู่ก็มาลงสรง แต่งองค์ทรงเครื่องแล้วออกมานั่งหน้าพลับพลาชัย พระโอรสกับพระอนุชามาเฝ้าพร้อมเพรียงกัน
    พระเอื้อนอรรถตรัสถามตามสัญญา นางวัณฬาจะออกรบพบกับเรา
    จะขอสู้ผู้เดียวเกี้ยวให้ติด ใครอย่าคิดมุ่งร้ายทำลายเขา
    จะปลอบโลมโฉมงามตามสำเนา  การของเรามิใช่การราญณรงค์ ฯ
                ศรีสุวรรณเห็นผิดจริตนัก จะห้ามเห็นไม่ฟังกำลังหลง จึงทูลลาพาหลานมาด้านหน้าเพื่อฝ่ายข้าศึกออกมาจะได้ออกไปบ้าง
    เห็นว่ากลศึกครั้งนี้ลึกเหลือจะเชื่อฟัง ได้แต่คอยระวังไว้ทุกตัวคน
                ฝ่ายองค์ละเวงเมื่อบรรทมตื่นขึ้นแล้วก็เข้าสรงชลแล้วแต่งองค์ทรงเครื่อง เมื่อมาถึงหอรบก็พบสังฆราช ทำความเคารพแล้วถามถึงการปฏิบัติการ
                บาทหลวงทูลให้เร่งยกทัพ สามนารีขี่ม้าสีฟ้าเหลืองนำไพร่พลออกไปนอกกำแพงแล้วให้ทั้งห้าทัพยับยั้งอยู่คอยฟังศึก พวกกองทัพเมืองผลึกก็ออกมาตั้งอยู่สลับสลอน แต่ต่างก็รู้ความตามสารที่จะไม่รบกัน จึงต่างหยุดยืนอยู่คอยระวังเหตุการณ์
                ฝ่ายพระอภัยสืบรู้ว่านางละเวงออกมาตามสัญญาก็ยิ่งอาวรณ์ขึ้นทรงม้าพร้อมกับพระอนุชาและหน่อกษัตริย์มาถึงยังทัพหน้า พอสบเนตรนางกษัตริย์ก็เกิดฤทธิ์เสน่ห์ในตัวนาง จึงตรัสชวนเชิญนางทางประโลม
                ฝ่ายองค์ละเวงได้ฟังก็ทำเยื้อนยิ้มพริ้มพรายให้ดูงาม ตรัสตอบขอบคุณ แล้วตรัสสืบไปว่า
    เมื่อพบกันสัญญาจะหย่าทัพ แล้วไม่กลับแกล้งว่ารักมาหักหาญ
    เห็นพระทัยไม่ตามความโบราณ จะสู้ต้านต่อยุทธจนสุดมือ
    วันนี้ที่สัญญาได้มาพบ จะรอรบกันกับน้องแต่สองหรือ
    หรือจะขับทัพใหญ่ไล่กระพือ จึงไม่ถือศัสตรามาราวี ฯ
                พระอภัยไพด้ฟังเห็นว่านางยังรักพระองค์อยู่จึงตรัสปลอบประโลมนางด้วยประการต่าง ๆ
    ตัวของพี่นี้ถ้าแม้แม่แค้นเดือด ตามแต่เชือดฉะลงที่ตรงไหน
    จะขอกอดยอดมิ่งไม่ชิงชัย จนขาดใจจึงจะวางให้ห่างทรวง ฯ
                นางวัณฬาได้ฟังก็อาวรณ์ แต่กลัวอำนาจพระบาทหลวง จนใจจึงกล่าวตอบไปตามประสามารยาหญิงด้วยประการต่าง ๆ
    อันผู้หญิงสิงหลนั้นคนซื่อ ใครดึงดื้อแล้วก็สู้ไม่รู้หนี
    ไม่เหมือนอย่างนางสุวรรณมาลี เขารู้ที่ทำจริตกระบิดกระบวน ฯ
                พระอภัยรู้ว่านางขู่หยอก จึงออกโอษฐ์ปลอบประโลมนางด้วยประการต่าง ๆ ต่อไปอีก
    พี่ผิดจริงมิ่งแม่จงแก้แค้น ทำทดแทนเถือหนังและมังสา
    ไม่ต่อตีศรีสวัสดิ์เป็นสัจจา พลางขับม้าเข้าไปตรงธงสำคัญ
    ฯลฯ
                ศรีสุวรรณเห็นหน้านางรำภาก็มีใจรักจึงออกปากฝากไมตรี กล่าวท้าวความถึงที่ได้เคยรบกันมา นางรัมภาก็กล่าวตอบความตามที่ได้รบกันมา ศรีสุวรรณก็กล่าวตอบสนองกลับไป
                สินสมุทยืนม้าฟังการโต้ตอบกันอยู่ แล้วมองดูยุพาผกา เกิดความเสน่หาในตัวนาง คิดจะเกี้ยวนางบ้างอย่างพระบิดา แต่ก็นึกเขินจึงขับม้ามาตรงหน้านางแล้วถามว่าชื่อ ยุพาผกาหรือที่มีหนังสือมาถึงตนเมื่อวานซืน แล้วแม้จะสินทรัพย์นับโกฏิก็จะมอบให้ ขอแต่เพียงสไบนางสักผืนเดียว
                นางยุพาผกาได้ฟังก็มิได้มีใจรัก ดูรูปร่างเหมือนยักษ์ร้ายไม่ปรารถนา แต่แกล้งกล่าวตอบคำสินสมุทไปว่ามาตีปล้นขนทรัพย์ไปแล้วยังจะมาขอผ้าเขาอีกหรือ ช่างไม่อายเลยหรือไร
      สินสมุทสุดจนให้อ้นอั้น ไม่รู้ผันผ่อนแก้แพ้ผู้หญิง
    แต่ยิ้มยิ้มหงิมง่วงไม่ท้วงติง ทำเมินนิ่งนึกเขินสะเทิ้นที ฯ
                พระอภัยเห็นสองพี่น้องก็นึกรัก แล้วกล่าวกับสองนางให้เข้ามาหา จะขอชมที่ช่างเจรจาได้เหมือนเช่นนางวัณฬา  สองนางก็ทูลตอบว่าขอบพระคุณที่พระองค์ชมเชย ถ้าหากว่าทรงปรานีเหมือนลูกแล้วก็ขอให้เลิกทัพกลับไป
                พระอภัยได้ฟังสองนางทูลตอบเสียงเหมือนแม่เลี้ยงก็ตรัสแก่นางว่า พระองค์จะขับกองทัพไปไม่ให้เข้ารบพุ่งกับกรุงลังกาแล้วขอให้สองนางเอ็นดู ช่วยปลูกฝังพระองค์ ซึ่งเป็นเสมือนพ่อให้ด้วย ถ้าสองนางรับคำตามนี้ก็จะเลิกทัพกลับไป สองนางก็ตอบตกลง พระอภัยถอดเพชรธำมรงค์ประทานให้ สองนางก็รับไว้  พอตกเย็นต่างก็หย่าทัพกลับไป
                นางวัณฬาได้ไปหาสังฆราช เล่าแจ้งแถลงไขเรื่องราวให้ฟังว่าไม่สมหวังดังจิตที่คิดไว้ แล้วลากลับมาตำหนัก พอพลบค่ำเหล่าทหารก็พูดจาสนทนากันว่า เมื่อไปทัพกับผู้ชายเป็นนายทัพก็รบกันอย่างหนัก  แต่ไปทัพกับนายทัพที่เป็นหญิง กลับได้ฟังนายทัพเกี้ยวกันเป็นที่เพลิดเพลินเจริญใจ แล้วเดิมพันกันว่าจะเสมอคู่ไหนในสามคู่ของนายทัพ  บาทหลวงได้ยินก็เข้าไปสอบถามความดู
                บรรดาฝรั่งทั้งหลายก็เล่าความให้ฟัง บาทหลวงจึงว่าให้ออกไปรบ แต่กลับมามีชู้แล้วมาขึ้ปดตน จะต้องไปต่อว่าให้สาแก่ใจแล้วมายังที่พักของนางวัณฬา ถามความกับสองพี่น้องว่าพระอภัยให้แหวนมาไว้แทนหรือ จึงยอมรับอาสาเป็นแม่สื่อ บอกให้ไปลวงเขากลับไม่ลวง กลับไปหน่วงเวลา แล้วยังไปไหว้นายทัพข้าศึกให้ตนต้องได้อาย บรรดาไพร่พลได้เห็นจึงมาเป็นโจทก์
    อ้ายพวกไพร่ได้เป็นมาเป็นโจทก์ จะทำโทษตามบทในกฎหมาย
    นางแม่สื่อซื้อหน้าฆ่าให้ตาย แต่เจ้านายเนรเทศจากเขตคัน ฯ
      ยุพาฟังสังฆราชกริ้วกราดโกรธ จะลงโทษโทษาให้อาสัญ
    ถึงอับจนกลศึกรำลึกทัน เอากลผันภูผาออกพาที
    พระคุณเจ้าเฒ่าชราพูดจาหลง ไม่มั่นคงควรหรือนับถือผี
    วิสัยศึกลึกซึ้งจึงจะดี ให้รู้ที่แข็งอ่อนได้ผ่อนปรน
    จะลวงเขาเป่าปี่เขามิเป่า ปากของเขาใครจะวัดเห็นขัดสน
    จึงยักย้ายถ่ายเทด้วยเล่ห์กล ชื่อว่าฝนดับไฟท่านไม่รู้
    ฯลฯ

    • Update : 8/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch