|
|
พระอภัยมณี/23
ฝ่ายผู้เฒ่าเจ้าเมืองเคืองตะคอก |
อย่าเพิ่งบอกเฟื่องฟุ้งถึงกรุงศรี |
เราเป็นชายฝ่ายเจ้าเป็นสตรี |
ชีวีมีมิให้องค์ออกสงคราม |
อายุเราเล่าก็จวนหกสิบห้า |
ถึงแม้ว่าวายวางลงกลางสนาม |
สู้บรรลัยไว้ชื่อให้ลือนาม |
จะสงครามปล่อยแก่พอแก้อาย |
ฯลฯ
อนึ่งเล่าเขามาล้อมอยู่พร้อมพรั่ง |
เปรียบเหมือนดังโรคตัดอัติสาร |
จะวางยาแม้มิหายคงวายปราณ |
แม้นเสียด่านก็เหมือนดังเสียลังกา |
ฯลฯ แล้วบอกว่าข้าศึกมีชัยคงจะประมาท จึงให้จัดกำลังเป็นหกทัพยกออกไปโจมตีตอนสามยาม ให้มุรหุ่มคุมทหารเข้าด้านซ้าย บังอลูเข้าด้านขวา หัศเกนสมทบกับมลิปาสารวัด ยันตังอังกฤษให้อยู่กับเจ้าเมือง แล้วสั่งบุตรให้อยู่ตรวจตราการข้างใน สั่งว่าถ้าตนตายให้ไปเฝ้าองค์วัณฬา ถวายตัวสามิภักดิ์จะได้ปรากฏเกียรติต่อไป
ฝ่ายศรีสุวรรณปรึกษาการกลศึกกับแล้วเห็นว่าอย่าประมาทพวกฝรั่งคงจะคิดอ่านมาสู้รบอีก จึงวางกลศึกไว้ว่าถ้ามีศึกมาเข้าตีตอนดึก ให้ทำเป็นแตกตื่นหนีไป ให้ข้าศึกตามตีออกไปนอกภูเขา ให้โมรากับสานนคุมกำลังย้อนมาทางขวาและทางซ้าย พวกทมิฬของสินสมุทให้โอบหลังล้อมไว้ แล้วตีกลับเข้ามาตัดหัวตัวนาย แล้วทำลายประตูเมืองเข้าไปในเมือง จากนั้นก็แกล้งหยุดตีฆ้องกลอง และราไฟเสีย
ฝ่ายอิเรนเตรียมทัพไว้พร้อมแล้ว คอยสดับตรับฟังข้าศึก เมื่อเสียงเกราะเคาะขานหายไป ทั้งแสงไฟก็โทรมลง นึกว่าพวกกองทัพข้าศึกหลับ จึงให้กองทัพของตนถือชุดอาวุธสั้นเข้าปะปนกันไป จะได้สังเกตเห็นเป็นสำคัญ ยกกำลังออกไปนอกกำแพง พวกโยธาฝ่ายศรีสุวรรณก็ทำทีแตกหนีไป พวกชาวด่านเห็นข้าศึกหนีก็เข้าโจมตีติดพัน
ฝ่ายสินสมุทหยุดยกเข้าวกหลัง สกัดกั้นไว้ที่ประตูป่า วิเชียรขับทัพหลังตั้งประจัญไว้ โมราพาทหารเข้าด้านซ้าย สานนอ้อมไปทางด้านขวา ขับโยธาเข้าแทงฟันประจัญบาน
ฝ่ายบังอลูมูรหุ่มที่คุมทัพอยู่ก็ถูกฝ่ายศรีสุวรรณตีแตกมาจนถึงป่าตาลก็ถูกล้อม อิเรนเห็นผิดท่าที พอจวบรุ่งเช้าก็เรียกไพร่พลกลับ สินสมุทก็เข้ามาโจมตีกระทบกับโมรากับสานน
การรบเข้าขั้นตะลุมบอน ฝ่ายเมืองผลึกฮึกหาญเข้าสังหารฝ่ายฝรั่งตายกลาดเกลื่อน อิเรนถูกลูกธนูจนเลือดอาบทั่วตัว เห็นว่าจะถูกจับเป็น จึงเรียกศิษย์อังกฤษให้ตัดหัวตน เพื่อไม่ให้ศีรษะกับตัวไม่มีผู้ใดได้พบเห็น ยันตังจำต้องทำด้วยความจำใจแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าผูกคอไว้แล้วขับม้าหนีไปยังเมืองลังกา
ทัพเมืองผลึกจับไพร่พลข้าศึกได้เป็นจำนวนมาก สานนฆ่ามาตา โมราฆ่าบังอลู วิเชียรฆ่ามูรหุ่ม แล้วสามพราหมณ์ก็ตามมาถึงหน้าด่านแล้วให้ประจานศพฝรั่งทั้งหลาย เอาศพตัวนายเสียบเรียงไว้เคียงกัน แล้วร้องบอกชาวด่านว่าใครไม่สู้ ก็จะยกโทษให้ใครสู้จะฆ่าเสีย และให้เปิดประตูด่านให้กองทัพเข้าไป
ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองเตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่ เห็นฝ่ายเมืองผลึกเอาศพนายทัพมาเสียบไว้ก็ตกใจ แต่ยังไม่เห็นบิดาของตน ทั้งยันตังที่สั่งไว้ก็ยังไม่กลับ จึงเที่ยวเดินตรวจพลอยู่
ค ฝ่ายสามพราหมณ์สามทัพไม่ยับยั้ง |
หมายจะพังป้อมประตูเข้าสู้ไล่ |
ให้เอาโซ่ทำคั่นเป็นบันได |
ขึ้นชิงชัยชาวพลบนกำแพง |
พวกฝรั่งทั้งสิ้นเอาหินทิ้ง |
บ้างยืนยิงปืนสั้นเกาทัณฑ์แผลง |
แต่หักหาญราญรอนจนอ่อนแรง |
ฝรั่งแทงล้มตายลงหลายคน ฯ |
สินสมุทเห็นทัพหน้าถอยก็ลงจากสิงห์ ปีนป้อมกำแพงเข้าปล้นค่าย สามพราหมณ์ก็ตามเข้ามารุกรบ
ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองเห็นนายทัพข้าศึกก็ยิงด้วยธนูถูกกรอกปากสินสมุทพลัดตกลงมาจากกำแพงแทบสิ้นชีวิต แต่สินสมุทได้ชักลูกดอกออกแล้วภาวนาคาถา แผลนั้นก็หาย แล้วคิดแค้นแหงนดูเห็นเป็นผู้หญิง จึงลุกขึ้นขับทัพไปชั้นบน พอเข้าไปใกล้กลไกที่มีตารางคลุมอยู่ก็ถูกตารางครอบกำลังพลทมิฬเอาไว้ ไพร่พลของชาวด่าน ก็ยกเอาหินมาทุ่มทิ้งลงไป แล้วเปิดประตูจั่นหับออกจับกุมพลทมิฬเหล่านั้น
ศรีสุวรรณยกทัพตามมาทันจึงช่วยแก้กันออกไปได้ทั้งไพร่นาย พอตกค่ำก็ถอยทัพมาตั้งค่าย แล้วปรึกษากันว่ากลไกของฝรั่งนั้นมีอยู่หลายอย่างมาก ถ้าโหมหักเข้าตีเมืองก็จะเปลืองกำลังทหาร จะคิดอ่านกันอย่างไร
โมราเสนอว่าจะผูกเรือยนต์รบบรรจุกำลังพลทั้งนายไพร่แล่นไปตามข้ามภูเขาเข้าไปข้างใน ทุกคนก็เห็นด้วย
ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองเห็นข้าศึกกลับออกไปแต่ยังไม่ถอยหนีไปไหน จึงต้อนชาวเมืองขึ้นทำหน้าที่พร้อมกับทหาร แล้วปรึกษาเสนา
บอกหนังสือชื่อนางอยู่ต่างพ่อ |
ให้ส่งต่อเป็นระยะไปถวาย |
คนเร็วรับขับม้าจนตาลาย |
ถึงบ้านรายรับกันเป็นหลั่นไป |
อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งนั้นอย่างนั้น |
ทางสามวันวันหนึ่งเดินถึงได้ |
แต่ลังกามาด่านปราการไพร |
ประมาณได้สามวันดังพรรณนา ฯ |
ฝ่ายยันตังรีบเดินทางมาถึงเมืองลังกาก็เอาหัวครูถวายแก่นางวัณฬาแล้วทูลแถลงแจ้งกิจจาให้ทราบ
ค นางละเวงเพ่งพิศคิดสังเวช |
น้ำพระเนตรหลั่งลงน่าสงสาร |
เพราะสัตย์ซื่อถือนายสู้วายปราณ |
โปรดประทานศพไว้ให้ยันตัง |
เลื่อนศีรษะเป็นพระอุปราช |
บรรจุไว้ในปราสาทบาทหลวงฝัง |
พอผู้ถือหนังสือของนางรำภาส่าหรีมาเฝ้าในใบบอกว่านางได้รักษาด่านได้ฆ่าข้าศึกล้มตายไปหลายพัน ข้าศึกยังถอยไปตั้งมั่นอยู่ บิดาของนางหายไปยังไม่กลับมา ถ้าแม้นไม่ไปช่วยให้ทัพในวันรุ่งก็เหลือกำลังที่จะรักษาด่านไว้ได้
ค นางทรงฟังสรรเสริญว่าเกินหญิง |
ขยันยิ่งเสียกว่าชายนายทหาร |
ให้ตั้งนางต่างบิดาบัญชาการ |
เป็นผู้ผ่านพารารักษาเมือง |
ทั้งเครื่องยศกลดกระบี่มีสำหรับ |
หมวกประดับขนนกการเวกเหลือง |
เสื้อสุหร่ายลายทองดูรองเรือง |
ทั้งเกราะเครื่องแต่งรบมีครบครัน |
แล้วตั้งยังตังเป็นปลัดด่านคุมทหารหมื่นหนึ่ง แต่งตั้งให้วิรุญกับกุนตันเป็นขุนนาง ให้ยกพลคนละหมื่นไปรักษาด่านไว้ทั้งสามคนรีบคุมกำลังเดินทางไปทั้งกลางวัน และกลางคืน เป็นเวลาสองวันครึ่งก็ถึงค่ายดงตาลราย แล้วแจ้งความตามรับสั่งให้นางรำภาทราบ พอนางอ่านดูรู้ว่าบิดาตายก็เสียใจล้มสลบไป
|
Update : 7/6/2554
|
|