หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/18

    ตอนที่ ๓๐ พระอภัยตีเมืองใหม่

                พระอภัยเมื่อรบชนะแล้วก็ปูนบำเหน็จผู้ที่มีความชอบในสงคราม ตามยศศักดิ์อัครฐานโดยถ้วนหน้าตั้งแต่ชั้นไพร่ขึ้นไป

      ฝ่ายทหารพลเรือนได้เลื่อนที่ เจียดกระบี่ยศศักดิ์เครื่องปักขาว
    เงินภาษีปีละแสนทั้งแดนดาว ให้ยกคราวศึกมาถึงธานี
    ถึงโยธาการะเวกเมืองรมจักร ได้เงินทองของรักเป็นศักดิ์ศรี
    พลทมิฬสินสมุทฝีมือดี ได้ของที่ต้องใจทั้งไพร่นาย ฯ
                ฝ่ายเสนาเมืองการะเวกที่เป็นเอกอำมาตย์เห็นพระอภัยมีพระทัยสบายดีแล้วจึงได้ทูลมูลความว่า เจ้าเมืองการะเกดคิดถึงโอรสทั้งสาม ได้ให้คนติดตามมาจนกว่าจะได้พบพระอภัย แล้วให้ตนถวายราชไมตรี ขอให้สุดสาครได้ขึ้นครองเมืองการะเกด และเจ้าเมืองการะเกดประสงค์ที่จะให้พระอภัยเป็นเชษฐา
    ประการหนึ่งพระองค์ประสงค์สนิท บาทบพิตรภูวเรศเหมือนเชษฐา
    แม้นบอกได้ได้ความจะตามมา ร่วมสุธาสันทมิตรสนิทใน ฯ
                พระอภัยตอบอำมาตย์เมืองการะเกดว่าได้ทราบเรื่องจากโอรส แล้วก็ขอบใจ และคิดที่จะได้รู้จัก และรักเหมือนญาติ ถ้าจะให้พระน้องมานั้นดูดังถือยศไม่งดงาม พระองค์ไปหาจึงจะชอบ
    จะบอกไปให้พระน้องนั้นต้องมา ดูดังว่าถือยศไม่งดงาม
    เราจะไปให้ถึงจึงจะชอบ เหมือนรักตอบตามสุภาพไม่หยาบหยาม
    ฯลฯ
                หลังจากนั้นได้มีผู้นำหนังสือลับมาแจ้งว่า บุตรท้าวเจ้าพาราสุลาไล ได้ยกกองทัพมาตั้งอยู่ที่ลังกา กับบุตรท้าวระเด่นที่เป็นแขก ถึงหน้าแล้งคงจะมาเข้าตีเมืองผลึก พระอภัยได้ฟังข่าวก็ร้อนพระทัย นึกสงสัยว่าบรรดาประเทศเขตแคว้นต่าง ๆ นั้น อยู่แห่งหนตำบลใดบ้าง จึงไต่ถามพราหมณ์พฤฒา
    เมืองทมิฬถิ่นประเทศทุกเขตแคว้น  ในภูมิแผนที่มีกี่ภาษา
    ได้ฟังถามพราหมณ์เฒ่าเจ้าตำรา จึงวันทาทูลความตามโบราณ
    อันวิสัยไตรเพทประเทศถิ่น บูรพ์ทักษิณปัจจิมทิศและอิสาน
    แผ่นดินงอกออกทุกวันเป็นสันดาน เขาสร้างบ้านสร้างเมืองเนื่องกันไป
    อันแว่นแคว้นแดนดินถิ่นมนุษย์ ไม่รู้สุดสิ้นอย่างต่างวิสัย
    เป็นเหมือนแสนแผนที่ซึ่งมีไว้ จนถึงใกล้เขตถิ่นเมืองกินรา
    ยังนอกนั้นตะวันตกยกขึ้นเหนือ พูดเหมือนเนื้อนกคล้ายหลายภาษา
    แต่พวกเขาเหล่าฝรั่งข้างลังกา เคยไปค้าขายถึงทางครึ่งปี
    ที่ยังนอกออกไปนั้นหลายเพศ  ว่าเขตเปรตอสูรกายแลพรายผี
    ซึ่งทราบความตามอ่านพระบาลี ในคัมภีร์ภูมิประเทศเขตสุธา ฯ
                พระอภัยได้ฟังแล้วก็มีความวิตกเห็นว่า นางละเวงวัณฬา จะเชิญท้าวด้าวแดนมารบเมืองผลึกได้อีกมาก ชาวเมืองจะเดือดร้อน จึงคิดจะข้ามไปปราบปรามแคว้นสิงหล เหมือนตัดต้นปลายก็จะตายตาม ให้เสนาอำมาตย์เมืองการะเวกพาโอรสทั้งสามกลับไปเมือง เมื่อเสร็จสงครามแล้วพระองค์จึงจะตามไป แล้วให้อาลักษณ์เขียนสาร กับประทานบรรณาการไปถวายเจ้าเมืองการะเกด จากนั้นจึงให้พระอนุชากับเสนาเมืองผลึกให้เตรียมพล เพื่อจะข้ามไปลังกา แล้วชวนสุดสาครมาบอก จำต้องให้สุดสาครกลับไปเมืองการะเกด
    จะแลลับกลับเป็นลูกเขาอื่นไป เหมือนดวงใจพ่อนี้พรากไปจากทรวง
    จะขัดขวางอย่างไรก็ไม่ชอบ ด้วยเธอมอบรักใคร่มาใหญ่หลวง
    มิให้ไปไพร่พลคนทั้งปวง จะลามล่วงติโทษว่าโหดไร้
    ฯลฯ
                สุดสาครทูลตอบว่า จะขอลาไปทูลมูลเหตุแล้วจะพาพลกลับมาช่วยพระบิดารบกับกรุงลังกา สุดสาครพร้อมกับสองกุมารก็ทูลลาพระพี่ พระชนนี และพระเจ้าอา นางกษัตริย์รับขวัญแล้วร่ำอาลัยสุดสาครและสองกุมาร
    แล้วโลมลูบจูบพักตร์รักเหมือนบุตร ล้วนแสนสุดซื่อตรงน่าสงสาร
    เมื่อเติบใหญ่ไหนก็คงเป็นวงศ์วาน กอดกุมารรับขวัญกลั้นโศกา
    ฯลฯ
    แม่รักน้องของเจ้านั้นเท่าไร  ก็รักใคร่ตัวเจ้านั้นเท่ากัน
    ขอฝากน้องสองหญิงอย่าทิ้งขว้าง ให้เหมือนอย่างร่วมอุทรให้ผ่อนผัน
    ฯลฯ
                เมื่อสุดสาครและสองกุมารออกเดินทางไปแล้ว พระอภัยก็เตรียมเรือรบครบถ้วนตามกระบวนศึก ให้สินสมุทกับพระอนุชาเป็นกองหน้า พระอภัยคุมทัพหลวง พราหมณ์วิเชียรคุมปีกขวา พราหมณ์โมราคุมปีกซ้าย พราหมณ์สานนอยู่รั้งท้ายได้เรียกลม ให้พัดพาเรือออกเดินทางไปได้สิบห้าวัน
                ฝ่ายฝรั่งลังกาที่รักษาด่านอยู่เห็นกองทัพเมืองผลึก ยกมาก็รีบนำความไปทูลเจ้านาย ลูกสาวเจ้าลังกาทราบข่าวศึก ก็คิดที่จะให้กองทัพของเจ้าเมืองทั้งสอง ออกไปสู้จึงให้ฝรั่งเศสกับแขกเทศ พวกระเด่นที่เป็นล่ามไปทูลสองกองทัพว่า จะสู้รบหรือหลบหนี
      ฝ่ายบุตรท้าวเจ้าระเด่นชื่อเซ็นระด่ำ แปลเป็นคำไทยว่าเจ้าฟ้าสวรรค์
    ใคร่จะรบตบพระหัตถ์แล้วตรัสพลัน ชะแม่วัณฬาว่าเป็นน่าอาย
    แน่อำมาตย์ชาติเราเหล่าระเด่น ถึงป่นเป็นภัส์มธุลีไม่หนีหาย
    ฯลฯ
      ฝ่ายมะหุดบุตรท้าวเจ้าฝรั่ง เมื่อได้ฟังฝีปากเขาถากถาง
    ยิ่งเหิมฮึกนึกมานะไม่ละวาง ไฉนนางทรงสั่งมาดังนี้
    จะยกไปหลายครั้งฝรั่งห้าม จนศึกข้ามเขตคุ้งมากรุงศรี
    ฯลฯ
                ทั้งสองบุตรเจ้าเมืองเดินทางเข้าไปในวัง
    ถึงวังทั้งระเด่นเซ็นระด่ำ ขุนนางนำเข้าไปตึกที่ปรึกษา
    ทั้งสองข้างต่างถึงถลึงตา  พวกเสนาแลดูรู้ทำนอง
    เชิญให้นั่งตั้งที่เก้าอี้รับ มีฉากลับแลบังอยู่ทั้งสอง
    นางสาวสวรรค์พนักงานเชิญพานทอง ถวายกล้องเครื่องพระศรีที่น้ำชา ฯ
                องค์ละเวงวัณฬา ออกมาพบเจ้าเมืองทั้งสอง แล้วถามถึงแนวความคิดในการสู้รบ ทั้งสองคนต่างก็แย่งกันพูด
    จะเกี้ยวนางต่างสองขึ้นพ้องเสียง สวนสำเนียงไม่รู้ว่าภาษาไหน
    เสียงฝรั่งประดังแขกแทรกขึ้นไป เหมือนสวดมาลัยรับวัดสันทัดกัน
               ฝ่ายองค์ละเวง เกรงจะวิวาทกันจึงเขียนฉลากบนกลีบลำเจียก แล้วให้เจ้าทั้งสองจับฉลาก ถ้าผู้ใดได้ก่อนก็ให้ผู้นั้นไป ฝ่ายเจ้าฝรั่งจับฉลากได้ก็ดีใจ แล้วลามายกทัพออกไปตั้งป้องกันเมือง
                ฝ่ายระเด่นเซ็นระด่ำ ก็แค้นใจแล้วตรัสว่า พวกฝรั่งที่ออกไปตั้งรับ ถ้าถอยกลับมายังฝั่ง ก็จะเข้าตีซ้ำให้สาสมที่ถือตัวไม่กลัวใคร แล้วออกมาสั่งให้ ตำมะหงง เตรียมพลเอาไว้ริมฝั่งทะเล
                ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกา ยังเกรงว่าจะวิบัติได้จึงให้ตรวจหน้า หน้าที่ต้อนรี้พลขึ้นอยู่บนป้อม รอบขอบบุรี แล้วชวนเหล่านางในไปดูการรบ
                ฝ่ายสินสมุทเป็นทัพหน้า พอตกเย็นเห็นกำปั่นแล่นเป็นตอนตอน ตั้งกระบวนจะสวนรบจึงให้เข้าโจมตี
    ไม่รอรั้งสั่งทหารให้ขานโห่ ไล่เรือโล้เข้าประจัญหันตลบ
    แล้วตีฆ้องกลองระดมเร่งสมทบ เข้ารุมรบเรือฝรั่งเมืองลังกา ฯ
      ฝ่ายมะหุดบุตรท้าวเจ้าฝรั่ง ตีระฆังขานรับทัพซ้ายขวา
    แล้วตั้งโห่โล้หลีกเป็นปีกกา ตามสัญญายิงปืนเสียงครื้นครึก
    ฯลฯ
    สินสมุทสุดกล้าออกหน้าทัพ หมายจะจับฝรั่งยังไม่ใกล้
    พอลูกท้าวเจ้าพาราสุลาลัย ทรงปืนใหญ่ยิงหมายเอานายพล
                สินสมุทถูกปืนใหญ่ยิงถูก ตกจมไปในน้ำ ศรีสุวรรณกันทัพให้รับรบจนค่ำมืด กองทัพปะทะกันสับสนอลหม่าน พอดีลมตีเข้าฝั่งลังกา พระอภัยพอได้ลมก็เร่งสมทบขึ้นมา
      ฝ่ายระเด่นเซ็นระด่ำเห็นค่ำพลบ เอาเรือรบรายทางออกข้างหลัง
    ด้วยโกรธขึ้งหึงผู้หญิงคิดชิงชัง  ยิงฝรั่งเรือแตกต้องแยกรับ
    พวกกองหนุนวุ่นวายฝ่ายกองหน้า ก็พะว้าพะวังถองหลังกลับ
    ศรีสุวรรณลั่นฆ้องเร่งกองทัพ  เข้าคั่งคับขึ้นกำปั่นไล่ฟันแทง
    ฯลฯ
    เข้าถึงฝั่งทั้งแขกพลอยแตกซ้ำ บ้างลงน้ำขึ้นตลิ่งวิ่งถลัน
    เหล่าทัพแตกแขกฝรั่งล้วนชิงกัน เข้าแทงฟันเฝ้าแต่ซ้ำกันร่ำไป
    ฯลฯ
                ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกา เห็นข้าศึกมีหลายทัพดูคับขัน ฝรั่งแขกก็แตกยับคิดจะล่าทัพ แต่กลับทำแข็งขืนเรียกให้ขึ้นป้อมปืน ข้างฝั่งน้ำก็ให้โยธาขึ้นสมทบบรรจบกัน แล้วเรียกข้าเฝ้าเหล่าทหารมาคิดหาทางแก้ไข เสนาทูลว่า ให้รั้งรอตั้งมั่นอยู่พอให้รุ่งแจ้ง แล้วจึงผ่อนผันถ่ายเทด้วยเล่ห์กล องค์ละเวงได้ฟังแล้ว จึงสั่งให้วางกำลังไปตั้งรับไว้ที่ริมฝั่งทะเล
    จะได้รับทัพแตกแขกฝรั่ง ที่อยู่ฝั่งฝ่ายเราคงเข้าหา
    รับแต่ไพร่ไว้บำรุงกรุงลังกา แต่ตัวนายขายหน้าอย่าเอาไว้
    ฯลฯ
                    ฝ่ายมะหุด บุตรท้าวเจ้าฝรั่ง เรือที่นั่งอับปางลงจึงพากันว่ายเข้าฝั่งได้ แล้วไปยังพลับพลาหน้าเชิงเทิน เห็นองค์ละเวงอยู่บนพลับพลา จึงตะโกนร้องบอกให้เปิดประตูรับ องค์ละเวงเห็นก็จำได้ แต่แกล้งให้สาวสวรรค์ชั้นนอก ตะคอกไปว่าเป็นปีศาจ แล้วยังมาหลอกแล้วขู่ว่า จะเอาปืนยิงทำให้มะหุดต้องวิ่งหนีหลบไป
                    ฝ่ายระเด่นเซ็นระด่ำกับตำมะหงง แตกทัพมาถึงหน้าวัง เห็นลูกสาวเจ้าลังกาอยู่หน้าป้อม ก็ร้องบอกให้เปิดประตูรับ องค์ละเวงก็ใช้วิธีการทำนองเดียวกับบุตรท้าวเจ้าฝรั่ง
      นางละเวงเกรงใจใช้แต่ล่าม ให้ตอบตามคำแขกแปลกภาษา
    ว่าระเด่นเป็นผีหนีเข้ามา ยังหลอนหลอกกลอกหน้าทำตาวาว
    จะถือบวชตรวจน้ำทำนบี ไปถึงผีทัพแขกแตกตาขาว
    เห็นศึกมาตาเหมี่ยววิ่งเกรียวกราว สินทั้งบ่าวทั้งนายตายไม่ดี ฯ
                บรรดาสาวสวรรค์ชั้นนอก จึงร้องขู่และจะเอาปืนยิ่งทำให้ทหารแขกทิ้งนายหนีไป
      สาวสุรางค์ต่างกลับขับตะคอก ยังหลอนหลอกแลบลิ้นจะกินหมู
    อ้ายผีแขกแยกเขี้ยวมาเกี้ยวชู้ เฝ้าแลดูพระธิดาทำตาโพล
    พลางจ้องปืนยืนขยับแล้วขับไล่ ไม่ถอยไปหรือจะต้องเป็นสองโหง
                ฝ่ายพระอภัยมณีชนะศึกแล้วเสียพระลูกน้อยก็เศร้าเสียใจ ให้ประดาน้ำลงหาก็ไม่พบ จึงไต่ถามโหรว่าพระลูกยารอด หรือมอดม้วย
      โหรารับจับยามตามสังเกต พิเคราะห์เหตุหารคูณไม่สูญหาย
    จึงทูลความตามตำรับไม่กลับกลาย ยังไม่ตายแต่ว่ายากลำบากครัน
    ฯลฯ
    ต่อเช้าตรู่สุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ พระพุธนั้นถึงพฤหัสสวัสดี
    จะได้ลาภปราบศึกให้กึกก้อง  ได้สิ่งของมาประณตบทศรี
    ฯลฯ
    ครั้นน้ำลงตรงออกไปนอกอ่าว เวลาเช้าน้ำขึ้นจะคืนที่
    คงได้มาในรุ่งวันพรุ่งนี้ ถ้าแม้นมิเหมือนสัญญาให้ฆ่าฟัน
    ฯลฯ
      ฝ่ายบดินทร์สินสมุท ด้วยเป็นบุตรนางมารหลานฤาษี
    ถือพระมนต์ทนคงทรงอินทรีย์ ถอดชีวีไว้ที่ในไตรโลกา
    ถึงตัวตายสายธาตุไม่ขาดสิ้น คือธาตุดินธาตุน้ำร่ำรักษา
    ถ้าลมแดดแผดส่องต้องกายา จะแกล้วกล้ากลับเป็นเหมือนเช่นกัน
    ฯลฯ
    เข้าเกยหาดธาตุลมระดมต้อง ตกถึงห้องนาสิกผลิกผวา
    พอแดดถูกปลูกชีวิตด้วยฤทธา ยิ่งแกล้วกล้ากลับฟื้นขึ้นยืนดู
                สินสมุทฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นเปลวไฟไหม้กำปั่นอยู่ ไม่รู้ว่ากองทัพของตนอยู่ที่ไหน จึงขึ้นบกมาถึงวังใหม่ เห็นไพร่พลอยู่พร้อมพรั่ง พวกทัพแตกแขกฝรั่งเมืองลังกา ยังวิ่งหากันอยู่วุ่นวาย แลดูผู้คนของเมืองผลึกโห่ฮึกอยู่ก็รู้ว่ามีชัย แล้วเลี้ยวไปดูรอบขอบบุรี เห็นเซ็นระด่ำกับตำมะหงงยืนอยู่ตรงพลับพลา สังเกตเห็นว่าระเด่นเป็นผู้ดี กำลังยืนอ้อนวอนผู้หญิงอยู่ แล้วเห็นนางละเวงวัณฬานั่งอยู่ที่เก้าอี้ทองเหมือนอย่างนางในรูปเขียน ก็มีใจรัญจวนปั่นป่วนเพราะมนต์เข้าดลใจ  สินสมุทรอายุได้สิบเก้าปี ไม่รู้รักชู้สาวมาก่อน ก็อัดอั้นอ้ำอึ้งตะลึงตกใจ
                    ฝ่ายมะหุดบุตรท้าวเจ้าฝรั่งกับเซนระด่ำต่างคลั่งไคล้หลงใหลในลูกสาวเจ้าลังกา เมื่อพบกันก็ได้เข้าต่อสู้กัน  องค์ละเวงเห็นดังนั้น จึงให้ขุนนางฝ่ายทหารเปิดประตูออกไปว่าขาน แต่คนทั้งสองไม่ยอมฟัง
                    ฝ่ายสินสมุทเห็นพวกองค์ละเวงวัณฬาเปิดประตูออกมา คิดว่าถ้าจับองค์ละเวงได้ก็จะปรากฏเป็นยศศักดิ์ จึงวิ่งเข้าประตูวังใหม่แล้วขึ้นไปบนป้อม จะเข้าไปจับนางละเวง
      ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงรู้เพลงรบ เลี้ยวตลบหลีกลัดวิ่งผัดผัน
    เข้าปนเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล พัลวันเวียนอ้อมบนป้อมปืน
    ฯลฯ
                    องค์ละเวงเห็นจวนตัว จึงเอาตราราหูกวัดแกว่งแล้วฟาดพระศอของสินสมุทจนสลบไป แล้วกลับฟื้นเห็นเป็นไฟล้อมองค์ละเวงอยู่ ไม่อาจเข้าจับได้ด้วยอำนาจวาสนา จึงกระโดดออกนอกกำแพงฆ่าไพร่พลข้าศึกเป็นอันมาก แล้วจับมะหุดบุตรฝรั่งกับแขกระเด่นได้ พาว่ายน้ำไปขึ้นเรือแล้วไปเฝ้าพระบิดาและพระอา ทูลความที่ผ่านมาให้ฟัง
    แล้วทูลว่าตราสำคัญหม่อมฉันเห็น เขาแกะเป็นดวงหน้าพระราหู
    ครั้นเข้าชิดฤทธิไกรเป็นไฟฟู นางถือกับกายมีสายพัน
    เมื่อหวดถูกลูกยาเหมือนฟ้าฟาด เจียนจะขาดชีวาถึงอาสัญ
    จะจับนางขวางขัดเป็นอัศจรรย์ หาไม่วันนี้ก็เสร็จสำเร็จการ ฯ
                กษัตริย์ทั้งสององค์ได้ฟังจึงบอกว่าเป็นด่วนได้และทำการเกินกำลัง และกล่าวถึงองค์ละเวงว่า
    เพราะนางนี้มีคุณการุญราษฎร์ ยังไม่ขาดชันษาถึงอาสัญ
    ถือดวงตราราหูคู่ชีวัน ประกอบกันจึงได้ปลอดรอดภัยพาล
    ฯลฯ
                    แล้วดูหน้าบุตรเจ้าฝรั่งกับบุตรเจ้าแขก ล้วนแรกรุ่นคราวโอรส จึงไต่ถาม แต่ทั้งสองคนไม่ยอมตอบ จึงสั่งให้ขังเอาไว้ก่อน และดูแลให้ดี ถ้าบิดามาง้อขอโอรสก็จะปล่อยให้ไปด้วยปรานี
                    สินสมุทให้ความเห็นว่าจะยกทัพเอาเมืองนั้น การสู้รบกับสตรีนั้นร้ายกว่าสู้เสือ ถ้าไปรบแล้วพบผู้หญิงชาวสิงหลขออย่าให้ทำเป็นมิตรด้วย พิสมัยจะทำให้เสียการ ถ้าใครพบเห็นให้ฆ่าเสียทันที
                    พระอภัยให้สัญญาว่าได้รู้ท่วงทีมาแล้วจะไม่เป็นอย่างนั้นอีก แล้วบอกว่าจะยกพลขึ้นบกในวันนี้ เข้าระดมตีเมืองใหม่แล้วเอาไฟเผา แล้วสั่งให้พลรบเตรียมสมทบไว้
                    ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาคิดขยาดข้าศึกที่ฮึกหาญ จากการที่สินสมุทเข้ามาจู่โจม แล้วจับแม่ทัพไป คิดถึงเรื่องที่เรียนมาในคัมภีร์ แล้วคิดได้ถึงอุบายของบาทหลวง
    พอคิดได้ในอุบายพระบาทหลวง ให้ล่อลวงล้างศึกอย่านึกหนี
    อันกลหมูสู้เสือนั้นเหลือดี ไม่ต่อตีต้อนส่งเข้ากรงตรึง
                จากนั้นได้ปรึกษาพวกข้าเฝ้าว่าจะใช้กลศึกเข้าต่อสู้ให้แพ้ชนะกัน
    ด้วยเห็นว่าข้าศึกมาฮึกโหม จะจู่โจมจุดไฟเข้าไล่จับ
    เหมือนไฟป่ามาใกล้จุดไฟรับ จึงจะดับเพลิงได้ดังใจนึก

    • Update : 6/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch