หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/14

    ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก

                สุดสาครสลบอยู่สามคืน จึงฟื้นนิ่งรำลึกตรึกภาวนาเวท ความเจ็บปวดก็หายไป แต่มีความหิวโหย จะปืนป่ายขึ้นไปก็ไม่ได้ ได้ยินเสียงม้าร้องก็บอกว่าตนขึ้นไปไม่ได้ ขอให้พี่ม้าไปบอกให้เจ้าตามาช่วย สุดสาครสลบแล้ว สลบอีกอยู่ในเหวนั้น แล้วพระโยคีก็มาช่วย แล้วสั่งสอนสุดสาคร

      บัดเดี๋ยว ดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
    เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบรรพต
    แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
    ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
    มนุษย์นี่ที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล
    ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
    แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
    รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
    จงคิดตามไปเอาไม้เท้าเถิด จะประเสริฐสมรักเป็นศักดิ์ศรี
    พอเสร็จคำสำแดงแจ้งคดี รูปโยคีหายวับไปกับตา
                จากนั้นสุดสาครก็ขี่ม้านิลมังกร ออกเดินทางไปเมืองการะเวก โดยให้ม้านำไปด้วยเหตุที่เคยไปมาแล้ว ใช้เวลาเดินทางหนึ่งวันกับหนึ่งคืน ก็ถึงเมืองการะเวก ชาวเมืองเห็นเข้าคิดว่าสุดสาครเป็นลูกหลานของชีเปลือย ด้วยจำม้าที่ขี่มาได้ สุดสาครถามหาชีเปลือย ชาวเมืองก็บอกว่า เจ้าเมืองให้นิมนต์เข้าไปอยู่ในวัง สุดสาครจึงตามไปที่ศาลาหน้าพระลานทวารวัง แล้วถามหาชีเปลือยก็ได้รับทราบว่า ชีเปลือยเจ็บไข้ไม่สบายอยู่ที่ทิมริมพระลาน สุดสาครขอให้พาตนไปพบชีเปลือย พวกขุนนางเอ็นดูสุดสาคร จึงรับพาไป และให้ลงจากหลังม้าเพราะจะขี่ม้าเข้าวังไม่ได้ สุดสาครก็ทำตามโดยดี เมื่อมาถึงที่ชีเปลือยนอนอยู่ เอาไม้เท้าพิงไว้ที่ข้างฝา จึงฉวยเอาไม้เท้ามาได้แล้วร้องต่อว่าชีเปลือย บอกว่าจะฆ่าเสียให้ตาย
                ชีเปลือยเห็นสุดสาครก็ตกใจออกวิ่งหนี บรรดาเสนาข้าเฝ้าไม่รู้เรื่องก็พากันสับสนอลหม่าน ส่งเสียงอื้ออึงไปทั้งวัง
                ฝ่ายพระสุริโยทัยได้ยินเสียงอื้ออึง จึงตรัสถามบรรดาข้าเฝ้าถึงสาเหตุ ก็ไม่มีผู้ใดทูลตอบได้
                ฝ่ายสุดสาครก็เดินมากลางวัง แล้วร้องบอกแก่คนทั้งหลายว่า ตนมาเอาไม้เท้าคืน แล้วออกเดินทางต่อไป ไม่ทำร้ายใคร พระสุริโยทัยเห็นนักสิทธิ์น้อยน่ารัก จึงตรัสสั่งให้อำมาตย์ นิมนต์มาที่พระโรงให้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์แก้ว แล้วตรัสถาม
    เจ้าประคุณกี่พรรษาพระอาจารย์ สถิตสถานถิ่นที่บุรีใด
    เป็นเผ่าท้าวพระยาหรือพานิช กระจิดริดรู้ศรัทธาจะหาไหน
    พระมุนีมีนามกรใด ธุระไรหรือจึงมาถึงธานี ฯ
                สุดสาครก็ทูลตอบให้ทรงทราบทุกประการ พร้อมทั้งเรื่องราวความเป็นมา จนถูกชีเปลือยผลักตกเหว ตนจึงตามมาเอาไม้เท้า
                พระสุริโยทัย ได้ทรงทราบแล้ว ก็โกรธชีเปลือยที่ลวงฆ่าสุดสาคร และมาหลอกลวงชาวเมือง ถ้าไม่ฆ่าก็จะเคยตัว แล้วให้ไปจับชีเปลือยมา แล้วสั่งให้เอาไปผ่าอก
                สุดสาครคิดสงสาร จึงทัดทานไว้ บอกว่าเป็นเพราะกรรมที่ทำไว้
    ไม่หุนหันฉันทาพยาบาท นึกว่าชาติก่อนกรรมจะทำไฉน
    จะฆ่าฟันมันก็ซ้ำเป็นกรรมไป ต้องเวียนว่ายเวทนาอยู่ช้านาน
    รูปบวชกายหมายใจจะได้ตรัส ช่วยส่งสัตว์เสียให้พ้นวนสงสาร
    จะเข่นฆ่าตาเฒ่าไม่เข้าการ ขอประทานโทษไว้อย่าให้ตาย ฯ
                พระสุริโยทัยทรงยอมตามที่ขอร้อง และบอกว่ารักพระดาบส จะใคร่ได้ไว้เป็นโอรสช่วยบำรุงบ้านเมือง สุดสาครก็ทูลตอยด้วยความฉลาดว่า ถ้าตนได้ไปพบพระบิดา และพงศ์เผ่าแล้ว ก็จะกลับมาอยู่ด้วยจนตลอดชีวิต
                พระสุริโยทัยได้ฟังก็พอพระทัยยิ่งนัก แล้วตรัสว่าจะไปด้วยกับสุดสาคร แต่ขอให้รอสืบสวน หาข่าวเสียก่อนว่า มีผู้ใดรู้เรื่องเมืองพระอภัยมณีบ้าง แล้วขอให้สุดสาครพักอยู่ที่เมืองก่อน
                พระสุริโยทัยกับมเหสีต่างก็รักสุดสาครดังโอรส แล้วขอให้สุดสาครเปลื้องเครื่องดาบสสึกออกมาแล้วทรงเครื่องกษัตริย์ แต่สุดสาครทัดทานไว้พร้อมเหตุผล และขอประดับเครื่องทรงไว้นอกหนังเสือ
    ว่าหม่อมฉันวันจะจากพระอาจารย์ ได้ตั้งสัตย์อธิษฐานต่อเทวา
    มิได้กลับอภิวาทบาทดาบส ก็ไม่ปลดปลิดเปลื้องเครื่องสิกขา
    ซึ่งสององค์ทรงพระกรุณา จะเมตตาหม่อมฉันประการใด
    ขอประดับทับนอกหนังเสือเหลือง ให้ประเทืองมิได้ขัดอัชฌาสัย
    จะทรงเครื่องเปลื้องหนังเสียทั้งไตร เหมือนได้ใหม่ลืมเก่าดังเผ่าพาล
                    จากนั้นสองกษัตริย์ก็จัดการให้สุดสาครลาสิกขาบท ให้ทรงเครื่องกษัตริย์โดยมีหนังเสือนุ่งอยู่ภายใน แล้วตรัสเรียกพระธิดามาให้ไหว้สุดสาครในฐานะที่เป็นน้อง สุดสาครกับน้องสนิทสนมรักใคร่กัน เมื่อสุดสาครหัดอะไร น้องก็หัดบ้าง สุดสาครก็สนุกเพลิดเพลินจนลืมพระโยคี พระบิดา พระมารดา
    กระบวนศึกฝึกฝนชนกุญชร ต่างราญรอนเรียนครูให้รู้ครบ
    รำกระบี่ตีกระบองดาบสองข้าง ทั้งจักรขว้างโล่เขนได้เจนจบ
    ฯลฯ
    จนเจนจำชำนาญในการศึก อาจารย์ฝึกพลรบให้หลบฝน
    ทหารเลวเร่งรับกลอกกลับตน แต่เม็ดฝนก็ไม่ถูกลูกเล็กเล็ก
    ต่างคล่องแคล่วแกล้วกล้าปรีชาหาญ ล้วนกุมารเหมาะเหมาะใส่เกราะเหล็ก
    บ้างไว้จุกลูกขุนนางไว้หางเจ๊ก ล้วนแต่เด็กน้อยน้อยห้าร้อยคน
    ฯลฯ
    จึงพาราผาสุกสนุกสนาน พระกุมารบันเทิงละเลิงหลง
    ลืมนักสิทธิ์ปิตุราชมาตุรงค์ ใจพะวงอยู่ด้วยเล่นไม่เว้นวัน


    ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก

                กล่าวถึงเรื่องเมืองผลึก พระอภัยมณีครองเมืองกับนางสุวรรณมาลี ตั้งแต่ใช้ให้พระอนุชากับพระโอรสไปเฝ้าพระบิดา จนเวลาล่วงไปหนึ่งปี จึงได้รับแจ้งข่าว  ด้วยสานนพราหมณ์ถือหนังสือมาว่า พระอนุชากับพระโอรสไปถึงกรุงรัตนา บ้านเมืองสงบสุข พระชนกชนนีเป็นโรคชราเรื้อรัง จึงยับยั้งอยู่ที่นั่นจนกว่าจะพอคลาย จึงจะทูลลากลับมา พระอภัยได้ทราบเรื่องแล้วหมดห่วง แล้วสานนก็ลากลับไปเมืองรมจักร  พระอภัยได้รางวัลบรรดาสานุศิษย์ที่ติดตามปรนนิบัติมายามยาก

    ล้วนจีนจามพราหมณ์แขกฝรั่งปน ทั้งร้อยคนคู่ยากลำบากมา
    ประทานเมืยสาวสาวขาวน้อยน้อย ถ้วนทั้งร้อยรูปงามตามภาษา
    กับกำปั่นบรรทุกเกลือข้าวปลา ทั้งเงินห้าร้อยทั่วทุกตัวคน
    ให้ไปอยู่บุรีรอบขอบประเทศ คอยแจ้งเหตุตื้นลึกศึกสิงหล
    ให้มีไพร่ไว้สำหรับอยู่กับตน ทั้งร้อยคนคนละร้อยไม่น้อยใจ ฯ
      ฝ่ายจีนจามพราหมณ์ฝรั่งแขกอังกฤษ สุจริตรักพระองค์ไม่สงสัย
    ได้กำปั่นภรรยาและข้าไท เหมือนเกิดใหม่มั่งมียินดีนัก
    ต่างทูลว่าถ้าแม้นเมืองผลึก ต้องทำศึกลังกาอาณาจักร
    จะเจ็บแค้นแทนพระคุณการุญรัก สามิภักดิ์ต่อเจ้ากินข้าวเกลือ
    ฯลฯ
    พวกจีนแล่นแผนที่ตะวันออก ออกเส้นนอกแหลมเรียวเลี้ยวเฉลียง
    ไปกังตั๋งกังจิ๋วจนติ๋วเซียง เข้าลัดเลี่ยงอ้ายมุ้ยแล่นฉุยมา
    ข้างพวกแขกแยกเยื้องเข้าเมืองเทศ อรุมเขตคุ้งสุหรัดปัตหนา
    ไปปะหังปังกะเราะเกาะชวา มะละกากะเลหวังตรังกานู
    วิลันดามาแหลมโล้บ้านข้าม เข้าคุ้งฉลามแหลมเงาะเกาะราหู
    อัดแจจามข้ามหน้ามลายู พวกญวนอยู่เวียตนามก็ข้ามไป
    ข้างพวกพราหมณ์ข้ามไปเมืองสารถี เวสาลีวาหุโลมโรมวิสัย
    กบิลพัสดุ์โรมพัฒน์ถัดถัดไป เมืองอภัยสาลีเป็นที่พราหมณ์
    ข้างพวกไทยได้ลมก็แล่นรี่ เข้ากรุงศรีอยุธยาภาษาสยาม
    พม่ามอญย้อนเข้าอ่าวพุกาม ฝรั่งข้ามฟากเข้าอ่าวเยียระมัน
    ที่บางเหล่าก็เข้าอ่าววิลาส เมืองมะงาดมะงาดามะงาสวรรค์
    ข้ามเกาะเชาเมาลีกะปิตัน หาพงศ์พันธุ์พวกพ้องพี่น้องตัว
    ฯลฯ
                ฝ่ายพระอภัยได้ปล่อยคนรักรายแฝงไว้ทุกแห่งหนแล้วก็ทรงสำราญผ่านสมบัติ แต่นางสุวรรณมาลีนั้นขี้หึง อยู่ต่อมาไม่ถึงครึ่งปีก็ทรงครรภ์ เมื่อถึงกำหนดก็คลอดราชธิดาเป็นฝาแฝด พระอัยกีรักใคร่มาก
      จะกลับกล่าวเจ้าลังกาอาณาเขต ปิ่นประเทศแว่นแคว้นแดนสิงหล
    แต่ลูกยามาแถลงแจ้งยุบล ว่าเสียพลพ่ายแพ้จะแก้อาย
    ก็ห่วงบุตรอุศเรนพระลูกรัก พระชงฆ์หักหมอแก้พอแผลหาย
    แล้วรื้อกลับจับไข้มิใคร่คลาย ศึกจึงสายเว้นช้าเสียห้าปี
                พอค่อยยังชั่วตั้งตัวได้ก็คิดทำศึก จึงให้เกณฑ์คนจากเมืองเอกโทตรี ได้ทัพหน้ามีกำลังห้าแสนถือแหลนหลาวปืนยาวปืนสั้น ปีกของกองหลวงมีกำลังห้าหมื่น กองหลังมีกำลังหลายแสน  ให้อุศเรนเป็นทัพหน้า เจ้าลังกาเป็นทัพหลวง
    แล้วเดินบกยกมาถึงท่าข้าม ถนนพระรามเรือแพแลสลอน
    ยั้งหยุดจัดหัดทหารไว้ราญรอน ข่าวของทั่วทั้งเกาะลังกา ฯ
                พระอภัยได้ข่าวศึกจึงปรึกษานางวาลี  นางวาลีทูลว่าการรบฟันแทงกันนั้น ไพร่พลทั้งสองฝ่ายก็จะมอดม้วยลงด้วยกัน ถ้าลวงล่อพอให้ได้ชัยชนะก็เห็นว่าจะทำได้
    ขอพระองค์จงเป็นกองออกป้องกัน คุมกำปั่นแปดร้อยคอยระวัง
    แม้นสงครามตามตีจงหนีหลบ  ไปวันหนึ่งจึงค่อยทบตลบหลัง
    มาปากอ่าวก้าวสกัดตัดกำลัง  ให้พร้อมพรั่งทั้งทัพรบสมทบกัน
    ข้าจะรับท้าวเจ้าสิงหล ด้วยเล่ห์กลโอนอ่อนช่วยผ่อนผัน
    นางทูลความตามปัญญาสารพัน  ทั้งสุวรรณมาลีเห็นดีจริง
    จึงทูลว่าข้ารับเป็นทัพซ้ำ ช่วยเผาลำนาวาประสาหญิง
    ฯลฯ
      ฝ่ายลังกาฝรั่งอยู่หลังถนน พอพักพลศึกทหารชาญสนาม
    ออกจากฝั่งวังวนถนนพระราม แล้วยกข้ามฟากมาสิบห้าคืน
    เข้าเขตคุ้งกรุงผลึกนึกประหลาด ไม่เห็นลาดตระเวณแขวงมาแข็งขืน
    เข้าปากน้ำสำคัญให้ลั่นปืน เสียงปึงปังดังครืนทั้งธรณี
    พอเช้าตรู่ดูเรือเหนือปากอ่าว ออกแล่นก้าวคลาดเคลื่อนเหมือนจะหนี
    จึงสั่งบุตรอุศเรนเจนวารี ให้ถามตีต้อนตัดสกัดทาง
    ฝ่ายทัพหน้าห้าแสนเรือพันสอง ออกลอยล่องแล่นไล่ใบสล้าง
    ได้ครึ่งวันทันทับที่ท่ามกลาง เข้ารบพลางแล่นหนียิ่งตีตาม ฯ
                ฝ่ายทัพหลวงเข้าไปถึงปากน้ำ พบเรือครัวลำหนึ่งจึงจับตัวคนเรือเอาไปถาม ได้ความว่า เมื่อคืนนี้พอได้ยินเสียงปืน ชาวเมืองก็พากันแยกย้ายหนีไป พระอภัยได้กำปั่นสักพันลำบรรทุกข้าวของเงินทอง แล้วจุดไฟเผาข้าวปลา พาผู้คนหนีออกทะเลไป ที่เหลืออยู่ก็หนีไปหลบเร้น เจ้าลังกาได้ฟังแล้วจึงว่าทัพอุศเรนจะตามไปทัน จึงให้ทัพหลังตั้งปิดอยู่ปากอ่าวคอยสืบข่าวทัพหน้า ส่วนทัพใหญ่จะเข้าไปอยู่ในเมือง จะได้เกลี้ยกล่อมอาณาประชาราษฎร์ พอเรียบร้อยแล้วสักสามราตรี ก็จะออกตามตีทัพเรือต่อไป แล้วให้ไพร่พลยึดเรือที่นั่งในแม่น้ำล้วนเป็นเรือกำปั่น  เห็นไฟไหมในเมืองอยู่ก็คิดว่าเป็นจริงไม่กริ่งใจ ให้จอดเรือริมฝั่งพอจวนพลบค่ำ ก็จุดไฟสว่างไสว สั่งให้แยกกองป้องกันชาวเมือง หนีออกไปนอกกำแพง พอค่ำมืดก็พักกำลังพลอยู่บนฝั่งฟากที่ตั้งเมืองโดยไม่ระแวงสงสัย แล้วมีการจัดเลี้ยงกัน
                ส่วนนางสุวรรณมาลีเป็นทัพซ่อนซุ่มอยู่ จึงขับไพร่พลให้ล้อมเลียบหาดทราย แล้วตัดสายสมอเรือพร้อมทั้งจุดไฟเผา ผลักกำปั่นให้ลอยไปปะทะกัน นางวาลีอยู่ที่ท้องพระโรงก็เมื่อเห็นเพลิงลุกไหม้ก็ให้เอาปืนใหญ่ยิง จากนั้นก็ยกกำลังออกนอกกำแพงไล่แทงทัพลังกาล้มตาย จะลงเรือเพลิงก็ไหม้ บ้างกระโดดน้ำหนีจนจมน้ำตาย ชาวเมืองออกเที่ยวไล่ฆ่าฟันข้าศึกล้มตายเป็นอันมาก



    • Update : 3/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch