หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    อาลัย หลวงปู่ทองบัว

    ข่าวเศร้าในวงการพระสงฆ์รับเทศกาลวันวิสาขบูชา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 พฤษภาคม 2554 "หลวงปู่ทองบัว ตันติกโร" หรือ "พระราชพุทธิมงคล" ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธรรมยุต) ผู้ก่อตั้งวัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ มรณภาพอย่างสงบ

    ก่อนหน้านี้มีอาการอาพาธเจ็บป่วยตามวัย อาการทรงและทรุดมาตลอด จนถึงวาระสุดท้าย

    สร้างความเศร้าสลดอาลัยเป็นอย่างยิ่ง

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า ทองบัว พุทธศรี (บุตรศรี) เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมพาพันธ์ 2464 เวลา 06.00 น. ตรงกับวันเสาร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีระกา ที่บ้านหนองผักแว่น ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี

    โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายปราโมทย์ และนางสีดา บุตรศรี

    เมื่ออายุได้ 8 ขวบ มารดาได้เสียชีวิตลง บิดาของท่านจึงย้ายครอบครัวจากภูมิลำเนาเดิมไปอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น

    ย่างเข้าสู่วัยเรียนท่านได้ไปเรียนหนังสือที่วัดในหมู่บ้าน ท่านเป็นคนปัญญาดี มีความเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็ก จึงเรียนทั้งภาษาไทยและภาษาบาลีควบคู่กันไป จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

    อายุ 14 ปี ท่านได้นุ่งขาวห่มขาว รักษาศีล 8 ได้มีโอกาสรับใช้อุปัฏฐากและออกเดินธุดงค์ตามหลวงปู่จูม ปัญญาวโร ไปตามป่าเขาลำเนาไพร

    หลวงปู่ทองบัวเคยเล่าให้ฟังว่า "ตอนนั้นลำบากมาก เพราะยังเป็นเด็ก แต่ก็ต้องอดทนเพื่อศึกษาข้อวัตรปฏิบัติของครูอาจารย์ ไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ ทำให้เต็มที่ตามสติปัญญาของตนเองที่มีอยู่"

    พ.ศ.2482 หลวงปู่จูมได้พาธุดงค์มาถึง จ.อุดรธานี ขณะนั้นนายทองบัว อายุ 18 ปี หลวงปู่จูมได้ให้บรรพชา ณ วัดมหาชัย อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2482 มีพระพิศาลคณานุกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์

    เมื่อบรรพชาเแล้วท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2485 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี จากนั้นได้ออกท่องธุดงควัตรไปหลายจังหวัดในภาคอีสาน

    กระทั่งอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ท่านได้อุปสมบทในฝ่ายธรรมยุต ณ พัทธสีมาวัดมหาชัย ต.หนองบัวลำภู อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2485 เวลา 14.55 น. มีพระพิศาลคณานุกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์

    ได้รับฉายาว่า ตันติกโร แปลว่า ผู้ประพฤติตามครรลอง

    เมื่ออุปสมบทแล้วประพฤติปฏิบัติตนตามแบบที่ครูอาจารย์สั่งสอนอย่างเคร่งครัด ครั้นออกพรรษาท่านได้ขอเดินทางกลับไปเยี่ยมโยมบิดาที่ จ.ขอนแก่น

    ก่อนเดินทางกลับท่านได้บอกกับโยมบิดาว่า การออกเดินธุดงค์ในครั้งนี้จะเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่หันกลับมาอีกแล้ว เพื่อแสวงหาสัจธรรม อันเป็นหนทางสู่ วิมุตติ โยมบิดาได้อนุโมทนาในสัจวาจาของท่าน โยมบิดาได้เดินไปส่งท่านจนถึงท้ายหมู่บ้าน

    พ.ศ.2491 ท่านได้เดินธุดงค์มาถึงจังหวัดสกลนคร ได้มาจำพรรษาที่วัดป่าห้วยหีบ อ.เมือง จ.สกลนคร 1 พรรษา ได้เดินทางไปกราบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดหนองผือ ต.ในนา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ก่อนเดินทางไปจังหวัดหนองคาย เข้าไปพักอยู่จำพรรษาที่วัดอรุณรังสี อ.เมือง จ.หนองคาย ท่านได้กราบพระอาจารย์จันทร์ เขมปัตโต ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทัพธรรมลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น

    หลวงปู่ทองบัวเล่าให้ฟังว่า ท่านมีความเคารพในพระอาจารย์จันทร์ เขมปัตโต เป็นพิเศษ เนื่องจากได้รับฟังธรรมที่ถูกอัธยาศัย นำมาปฏิบัติได้ผลรวดเร็วเป็นที่ประทับใจอย่างยิ่ง ท่านจึงนับถือและยกย่องพระอาจารย์จันทร์เป็นพระอาจารย์อีกรูปหนึ่ง

    พ.ศ.2492 ท่านได้เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ พักที่วัดป่าสันติธรรม ต่อมาได้เดินทางมาพักที่สำนักสงฆ์ป่าโรงธรรม อ.สันกำแพง (ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดโรงธรรมสามัคคี)

    หลวงปู่ทองบัวเล่าให้ฟังว่า ตอนที่มาใหม่ๆ ที่นี่ยังเป็นสำนักสงฆ์อยู่ มีกุฏิไม้สี่หลัง มีบริเวณกว้าง 4ไร่เศษ ต้นไม้ใหญ่ที่จะอาศัยร่มเงาพอมีอยู่บ้าง ส่วนบริเวณรอบวัดจะเป็นป่าไม้แพร่ง มีบ่อน้ำกินน้ำใช้ 4 บ่อ

    หลวงปู่ทองบัวมาอยู่ที่สำนักสงฆ์ป่าโรงธรรมได้ไม่นานได้ทราบข่าวว่าหลวงปู่มั่น มรณภาพ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2492 ที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร

    ใกล้ถึงวันประชุมเพลิงหลวงปู่มั่นหลวงปู่ทองบัวและคณะศรัทธาญาติโยมชาวอำเภอสันกำแพง ได้พร้อมใจกันเดินทางไปจังหวัดสกลนคร เพื่อร่วมงานประชุมเพลิง

    ร่วมคณะศรัทธาพัฒนาสำนักสงฆ์ ได้ซื้อที่ขยายอาณาเขตของสำนักสงฆ์ กระทั่งยกฐานะเป็นวัดโรงธรรมสามัคคี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ.2506

    หลวงปู่ทองบัวเป็นเจ้าอาวาสวัดโรงธรรมสามัคคี สร้างพระเจดีย์โพธิปักขิยธรรม เป็นเจดีย์ที่มีรูปร่างแปลก มีความหมายถึงการนำไปสู่การตรัสรู้ 37 ประการ ฐานเจดีย์เป็นทรงกลม ภายในประกอบด้วยห้องสมุด ห้องแสดงศิลปวัตถุ ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดและพระพุทธรูปต่างๆ ชั้นสูงสุดของเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2501 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามพระครูวิมลคณาภรณ์ พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่พระวิมลธรรมญาณเถร

    พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่พระราชพุทธิมงคล

    ด้านการปกครองคณะสงฆ์ หลวงปู่ทองบัวเคยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธรรมยุต) ก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธรรมยุต)

    กล่าวได้ว่าพระราชพุทธิมงคล หรือหลวงปู่ทองบัว เป็นพระสังฆาธิการอีกรูปหนึ่งที่ชาวจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือมาช้านานแล้ว

    โดยเฉพาะตระกูลชินวัตร และท่านยังเป็นพระอาจารย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ความเคารพนับถือมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อเลิศ-แม่ยินดี ชินวัตร

    ตลอดชีวิตของหลวงปู่ทองบัวท่านได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้แก่การเผยแผ่พระพุทธศาสนาและปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน แต่ด้วยอายุขัยที่ล่วงเลยเข้าสู่วัยชราภาพ บ่อยครั้งทำให้ท่านอ่อนแรง สุขภาพไม่แข็งแรงดังเดิม กระทั่งเกิดล้มป่วยอาพาธเป็นประจำ

    หลวงปู่ทองบัวเคยกล่าวบอกกับลูกศิษย์ว่า "ตอนนี้อายุมากแล้ว คงอยู่ได้อีกไม่นาน ตอนนี้ได้ปลงทุกอย่างแล้ว ได้วางทุกอย่างแล้ว เหลือแต่เลือกวันละสังขารเท่านั้น จะทำอะไรขอให้ลูกศิษย์รีบๆ ทำเดี๋ยวจะไม่ทัน"

    ช่วงเช้าวันที่ 17 พฤษภาคม 2554 หลวงปู่ทองบัวมรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 89 ปี พรรษา 69

    พระครูจิตตภัทราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโรงธรรมสามัคคี และคณะศิษย์ ได้นำศพตั้งบำเพ็ญกุศล ณ ศาลา 80 ปี เข็มทอง หรือศาลาใหญ่ วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เพื่อรอขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป


    • Update : 29/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch