หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    สารานุกรมไทยฉบับย่อ/132

    เล่ม ๒๔      แมลง - ราชนีติ      ลำดับที่  ๔๕๒๑  - ๔๖๘๖   ๒๔/ ๑๕๒๐๑ - ๑๕๘๔๐

               ๔๕๒๑. แมลง เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีร่างกายแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง มีขาสามคู่ อาจมีปีกหรือไม่มีปีกก็ได้ แต่สัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังพวกใดมีปีกแล้ว สัตว์พวกนั้นต้องเป็นแมลง
                        แมลงทุกชนิดมีขั้นตอนของการเจริญเติบโต โดยการลอกคราบ
                        แมลงนอกจากจะมีมากที่สุดในโลกแล้ว ยังมีความสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างใกล้ชิด มีทั้งพวกที่เป็นประโยชน์ และพวกที่ให้โทษในรูปแบบต่าง ๆ กัน การศึกษาเกี่ยวกับแมลงจึงกลายเป็นวิทยาศาสตร์แขนงใหญ่แขนงหนึ่งแยกออกไปจากสัตววิทยาเรียกว่ากีฎวิทยา และในวิชานี้ได้แยกสาขาออกไปอีกมากมาย
                       คนไทยอาจจะเรียกชื่อแมลงในรูปต่าง ๆ ส่วนใหญ่ใช้คำแมลงหรือแมงนำหน้าเช่น แมลงปอ แมงภู่ บางทีก็ใช้ตัวนำหน้าเช่นตัวต่อ ตัวแตน บางชนิดก็เรียกเป็นชื่อเฉพาะไม่มีคำนำหน้าเช่น มด ผีเสื้อ      ๒๔/๑๕๒๐๑
                ๔๕๒๒. แมลงภู่ - หอย  เป็นหอบกาบคู่ มีสีด้านนอกของกาบเป็นสีเขียว คล้ายสีปีกแมลงภู่ นับว่าเป็นอาหารทะเลที่มีรสชาดอร่อย มีคุณค่าทางอาหาร เป็นที่นิยมบริโภคกันแพร่หลาย ประกอบเป็นอาหารได้หลายแบบ
                        ลักษณะกายเป็นรูปยาวรี ปลายด้านหน้าเรียวแหลม ส่วนด้านท้ายป้านมน ตอนกลางตัวพองออกเล็กน้อย เมื่อโตเต็มที่ยาวประมาณ ๗ ซม. ตัวหอยยึดติดกับเปลือกด้วยกล้ามเนื้อ ส่วนเปลือกที่ปลายทั้งสองด้านและยังทำหน้าที่ ดึงกาบหอยให้ปิดเข้าหากัน
                        หอยแมลงภู่ มีแหล่งที่อยู่ตามชายฝั่งทะเล และปากแม่น้ำที่คลื่นลมไม่แรงจัด พื้นทะเลเป็นดินโคลนปนทราย ใช้เส้นใยรากหอยที่สร้างขึ้นเอง ยึดตัวติดกับเสาไม้ ในระดับน้ำลึก ๑ - ๑๐ เมตร หอยได้อาหารโดยใช้ซี่เหงือกกรองพืช และสัตว์ขนาดเล็กที่เรียกว่า แพรงก์ตอน จากน้ำทะเลที่ไหลผ่านสู่ตัว          ๒๔ / ๑๕๒๐๓
                ๔๕๒๓. แม่ลาน้อย  อำเภอขึ้น จ.แม่ฮ่องสอน มีอาณาเขตทางทิศตะวันตก จดประเทศพม่า ภูมิประเทศเป็นที่ราบสูง มีสภาพป่าและภูเขา สามในสี่ของพื้นที่ทั้งหมด         ๒๔/๑๕๒๐๖
                ๔๕๒๔. แมว ๑  เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จัดอยู่ในอันดับสัตว์กินเนื้อ แต่ละตัวแต่ละชนิดมีขนาดและสีสัน แตกต่างกันมาก หางยาวหรือค่อนข้างยาว หรือหางสั้น หัวกลมและสั้น หรืออาจจะยาวและแหลม เดินด้วยปลายนิ้วตีน โดยที่ส้นยกสูงขึ้นจากพื้นดิน ฝ่าตีนมักจะมีขนปกคลุม ยกเว้นบริเวณอุ้งตีน ทำให้เดินได้เงียบ ตีนหน้าแต่ละข้างมีห้านิ้ว นิ้วตีนหลังแต่ละข้างมีสี่นิ้ว ไม่มีนิ้วหัวแม่ตีน แต่ละนิ้วทั้งขาหน้าและขาหลัง มีกรงเล็บแหลมคม และสามารถที่จะหดซ่อนกรงเล็บไว้ในซองเล็บได้ แมวมีใบหูใหญ่และกลม มีกล้ามเนื้อที่สามารถกระดิกหูไปมาได้ ลูกนัยน์ตามีขนาดใหญ่ และโปนออกมาเล็กน้อย ทำให้มองเห็นได้ในมุมกว้าง แมวส่วนใหญ่จะล่าเหยื่อด้วยการมองด้วยสายตา จะใช้วิธีดมกลิ่นบ้าง ก็ต่อเมื่อในระยะใกล้ ๆ
                        แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่คุ้นเคย และใกล้ชิดกับคนมากที่สุดชนิดหนึ่ง แมวบ้าน หรือแมวเลี้ยงทั่วโลก จัดเป็นแมวชนิดเดียวกันหมด อาจจะแบ่งกลุ่มแมวบ้านออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ พวกที่มีขนยาว เช่น แมวเปอร์เซีย และพวกที่มีขนสั้น เช่น แมวไทย
                        แมวบ้านหรือแมวเลี้ยงทั่วโลกจัดเป็นแมวชนิดเดียวกันทั้งหมด แบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ พวกที่มีขนยาวเช่นแมวเปอร์เซีย และพวกที่มีขนสั้นเช่นแมวไทย    ๒๔ / ๑๕๒๐๗
                ๔๕๒๕. แมว ๒  - ปลา  เป็นชื่อปลาหลายชนิด หลายสกุล ปลาในวงศ์นี้รูปร่างโดยทั่วไป จะมีลำตัวค่อนข้างยาว แบนข้างมาก จะงอยปากทู่มน เกล็ดใหญ่ บาง หลุดง่าย          ๒๔/๑๕๒๑๐
                ๔๕๒๖. แม้ว  เป็นชื่อชาวเขาเผ่าหนึ่ง ในประเทศไทย เรียกตนเองว่า ม้ง คำว่า แม้ว เป็นชื่อที่ชาวจีนเรียก
                        ตามเอกสารเก่าแก่ของจีน มีกล่าวถึงชื่อแม้ว ย้อนหลังไปเกือบห้าพันปี โดยระบุว่าได้มีชาวแม้ว อยู่ในลุ่มแม่น้ำเหลืองแล้ว ชาวแม้วได้ทำสงครามกับจีนอยู่เรื่อยมา จนถึงรัชสมัยราชวงศ์แมนจู ชาวแม้วส่วนหนึ่งได้อพยพลงสู่ทางใต้ เข้าสู่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ประเทศลาว และประเทศไทย และบางส่วนของรัฐฉาน ชาวแม้วได้เข้าสู่ประเทศไทย เมื่อประมาณร้อยปีมานี้เอง
                        ชาวเขาเผ่าแม้ว นิยมตั้งบ้านเรือนบนภูเขาในระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ ๙๐๐ - ๑๕๐๐ เมตร มีภาษาที่ถูกจัดอยู่ในภาษาทางชาติพันธุ์สาขาจีน - ทิเบต ในกลุ่มแม้ว - เย้า ไม่มีตัวอักษรใช้เป็นของตนเอง  -ภาษาแม้วมีเพียงวรรณยุกต์แน่นอนและมีเสียงตัวสะกดเพียงแม่กง นอกนั้นกล่าวได้ว่าเป็นคำที่ไม่มีตัวสะกดทั้งหมด
                        สังคมชาวแม้วผู้ชายเป็นใหญ่และระบบสายสกุลยังมีความผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น ชาวแม้วมีนิสัยโดยทั่วไปที่เห็นได้ชัดคือความขยันขันแข็ง รักอิสระ      ๒๔/๑๕๒๑๔
                ๔๕๒๗. แมวเซา - งู  เป็นงูพิษ มีลำตัวอ้วนสั้น หางเล็กสั้น สีน้ำตาลอมเทา มีลายเป็นดอกใหญ่ ๆ  ออกหากินเวลากลางคืน ชอบกินหนู ชอบทำเสียงขู่เมื่อถูกรบกวน มีทั้งขู่กรรโชก และขู่เป็นเสียงยาว คล้ายลมยางรถรั่ว พิษงูแมวเซามีฤทธิ์ต่อระบบโลหิตมาก และมีผลกระทบต่อระบบประสาทด้วย         ๒๔/๑๕๒๒๒
                ๔๕๒๘. แมวน้ำ  เป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ เป็นพวกสัตว์กินเนื้ออยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก ว่ายน้ำและดำน้ำได้ดีเยี่ยม รูปร่างลำตัวส่วนมากเรียวยาวเหมือนตอร์ปิโด หัวแบนหน้าสั้น อวัยวะที่ใช้ในการเคลื่อนไหว มีสองคู่คือ คู่หน้า และคู่หลัง เปรียบเสมือนครีบ แขน ขา ผิวหนังมีขนปกคลุม
                        แมวน้ำชอบอยู่ในน้ำมากกว่าบนบก และชอบอยู่ในเขตหนาวมากกว่าเขตอบอุ่น หรือเขตร้อน มีอยู่ชนิดเดียวที่อยู่ในทะเลสาบน้ำจืดคือ ที่ทะเลสาบไบคาลในไซบีเรีย เป็นสัตว์น้ำขนาดใหญ่ เมื่อโตเต็มที่มีขนาด ๑.๙๐ - ๖.๕๐ เมตร  น้ำหนักตัวตั้งแต่ ๙๐ กก. ถึง ๓.๕ เมตริกตัน          ๒๔/๑๕๒๒๓
                ๔๕๒๙. แมวป่า  จัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพวกเดียวกันกับแมวบ้าน บรรพบุรุษของแมวป่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโบราณ ลักษณะคล้ายชะมด ซึ่งกำเนิดมาในโลกเมื่อประมาณ ๓๔ - ๔๐ ล้านปีมาแล้ว ต่อมาได้วิวัฒนาการมาเป็นพวกแมวป่า เมื่อประมาณ ๒๕ - ๓๔ ล้านปีมาแล้ว โดยเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะแต่เพียงเล็กน้อย เท่านั้น
                        แมวป่า รวมถึงเสือชนิดต่าง ๆ ด้วย ยกเว้นแมวบ้าน ทั่วโลกมีสัตว์ในวงศ์นี้ห้าสกุล และ ๓๖ ชนิด ประเทศไทยมีสัตว์ป่าเหล่านี้ สามตระกูลรวมเก้าชนิด ได้แก่
                      เสือกระต่าย  เป็นแมวป่าขนาดเล็ก ความยาวจากปลายจมูกถึงโคนหาง ประมาณ ๕๐ - ๖๕ ซม. น้ำหนัก ๔ - ๖ กก. สีเทาอ่อน ถึงสีน้ำตาลแกมเหลืองมมีลายขวาง หรือลายพาดสองเส้นทางด้านในของขาหน้า บริเวณด้านหน้าทั้งสี่ขามีลายพาดและจุดจำนวนมาก พบตามป่าโปร่ง ทุ่งหญ้า ป่าละเมาะและบริเวณลำธารในป่าต่าง ๆ ในประเทศไทยพบทั่วไป ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่คอคอดกระลงไป
                      แมวป่าหัวแบน  เป็นแมวป่าขนาดเล็ก ขนาดเท่ากับแมวบ้าน เป็นสัตว์ป่าที่ค่อนข้างหายากและว่องไว ชอบเล่นน้ำ หา
                      แมวดาวหรือแมวแกว  เป็นแมวป่าขนาดเล็ก พบในหลายพื้นที่ พบเป็นคู่ ๆ หรือพบเป็นครอบครัวระหว่างแม่กับลูก ๆ หากินตอนกลางคืน ปีนต้นไม้ได้ ว่ายน้ำได้ดี
                      แมวลายหินอ่อน  เป็นแมวป่าขนาดเล็ก ค่อนข้างหายาก หากินตอนกลางคืน ปีนต้นไม้ได้ดี ในประเทศไทยพบในภาคเหนือ ภาคตะวันตกและภาคใต้
                      เสือปลา  จัดเป็นแมวป่าขนาดกลาง ความยาวของหัวและลำตัว ๗๓ - ๗๘ ซม. น้ำหนัก ๗ - ๑๑ กก.ลักษณะทั่ว ๆ ไปคล้ายแมวดาว แต่มีขนาดใหญ่กว่า อาศัยอยู่ตามป่าละเมาะ ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งน้ำทั้งน้ำจืดและน้ำทะเล ในประเทศไทยพบมีอยู่ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ ๑
                      เสือไฟ  จัดเป็นแมวป่าขนาดกลาง และมีขนาดใหญ่ที่สุดในสกุลแมว ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง ปีนป่ายได้ดีมาก ชาวบ้านเชื่อว่าขนหรือหนังเสือไฟจะป้องกันอันตรายจากแมวป่าและเสืออื่น ๆ ได้ เสือไฟจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ ๑
                      เสือลายเมฆ  จัดเป็นแมวป่าชนิดหนึ่ง แต่อยู่คนละสกุลกับแมวบ้าน และแมวป่าต่าง ๆ เป็นสกุลที่ประกอบด้วยสัตว์เพียงชนิดเดียวเท่านั้น หากินตอนกลางคืน อาศัยอยู่บนต้นไม้ เห็นตัวได้ยาก ปรกติจะพบอยู่โดดเดี่ยว จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ ๑
                      เสือดาว เสือดำ  จัดเป็นแมวป่าขนาดใหญ่ ความยาวของหัว และลำตัวรวมกันประมาณ ๑.๘ - ๑.๓๐ เมตร น้ำหนัก ๔๕ - ๖๕ กก.เป็นเสือที่ว่ายน้ำได้ แต่ส่วนใหญ่จะพบอยู่บนต้นไม้ มักจะพบอยู่โดดเดี่ยว พบได้ทุกภาคของประะทสไทย จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ ๒
                      เสือโคร่งหรือเสือลายพาดกลอน  เป็นแมวป่าขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแมวป่าและเสือในประเทศไทย ความยาวของหัวกับลำตัว รวมกันประมาณ ๑.๗ - ๒.๓ เมตร   น้ำหนัก ๑๔๐ - ๒๔๕ กก.มีสีของลำตัวเป็นสีพื้นสีเหลืองอ่อน หรือสีน้ำตาลแกมเหลือง มีลายพาดสีดำเป็นแบบต่าง ๆ กันชอบอยู่บริเวณที่มีแหล่งน้ำ และว่ายน้ำได้ดีมาก เป็นสัตว์ที่มีอาณาเขตครอบครองของตนเองเป็นพื้นที่ประมาณ ๑๐๐ ตร.กม. ออกหากินตอนพลบค่ำ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ ๒         ๒๔/๑๕๒๓๑
                ๔๕๓๐. แม่สรวย  อำเภอขึ้น จ.เชียงราย ภูมิประเทศมีเขาล้อมรอบ เป็นเขาราวสามส่วนเป็นที่ราบราวหนึ่งส่วน         ๒๔/๑๕๒๔๕
                ๔๕๓๑. แม่สอด  อำเภอขึ้น จ.ตาก มีอาณาเขตทางทิศตะวันตกจดประเทศพม่า มีแม่น้ำเมยเป็นเขตภูมิประเทศพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยป่าโปร่งและภูเขาทั่วไป
                        อ.แม่สอด ในสมัยอยุธยาเป็นด่านสำคัญเรียกด่านแม่ละเมาะ เป็นทางเดินทัพของพม่า ซึ่งยกเข้ามาตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ มาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้ตั้งเป็นด่านขึ้นสี่ด่าน คือด่านอินทร อยู่ใน ต.แม่ระมาด ด่านชัย อยู่ที่ ต.แมก ด่านพลอยู่ใน ต.แม่สอด และด่านเชียงทอง อยู่ที่ บ.แม่กุน้อย ต่อมาให้ยุบด่านทั้งสี่รวมเป็นอำเภอ ตั้งที่ว่าการที่ ต.แม่สอด เรียกว่า อ.แม่สอด         ๒๔/๑๕๒๔๕
                ๔๕๓๒. แม่สะเรียง  อำเภอขึ้น จ.แม่ฮ่องสอน มีอาณาเขตทางทิศเหนือ และทิศตะวันตกจดประเทศพม่า ภูมิประเทสโดยรอบเป็นป่าและภูเขา มีที่ราบลุ่มคล้ายก้นกระทะบ้าง ตามริมแม่น้ำยวม ชาวอำเภอนี้เป็นกะเหรี่ยง ละว้า มากกว่าอื่น รองจากนั้นก็เป็นไทยเหนือ นอกจากนี้ก็มีพม่า ไทยใหญ่ต้องสู้
                        อ.แม่สะเรียง เดิมขึ้น จ.เชียงใหม่ เมื่อยังเป็นเมืองประเทศราช ครั้นจัดการปกครองแบบข้าหลวงใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๓ ก็จัดตั้งข้าหลวงบริเวณขึ้นที่ อ.แม่สะเรียง มี อ.ขุนยวม อ.ปาย และ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ขึ้นต่อข้าหลวงบริเวณ อ.แม่สะเรียง         ๒๔/๑๕๒๔๖
                ๔๕๓๓. แม่สาย  อำเภอขึ้น ๗.เชียงราย มีอาณาเขตทางทิศเหนือจดประเทศพม่า ภูมิประเทศส่วนมากเป็นเนินและเขา
                        อ.แม่สายนี้ในพงศาวดารโยนกกล่าวว่าพื้นที่ใน อ.แม่สาย เดิมชื่อว่า เวียงสีทอง เมื่อมหาศักราชได้ ๒๗๗ ขอมมีอำนาจตีนครโยนกได้ พระเจ้าพังคราชพาพระเทวีมาอยู่ที่ ตำบลเวียงสีทอง ริมแม่น้ำสาย ต่อมาได้ตั้งเมืองขึ้นเรียกว่า เวียงพาน เป็นหมู่บ้านที่ตั้งที่ว่าการ อ.แม่สาย ปัจจุบัน
                        อ.แม่สาย เดิมเป็นกิ่งอำเภอขึ้น อ.แม่จัน ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓         ๒๔/๑๕๒๔๗
                ๔๕๓๔. แม่เหล็ก  เป็นวัตถุที่สามารถดูดโลหะบางชนิดได้ เช่นดูดเหล็ก นิกเกิล โคบอลต์ หรือโลหะเจือบางชนิดในธรราชาติ มีแร่เหล็กชนิดหนึ่งเรียกว่าแร่แมกนีไตต์ ประกอบด้วยออกไซด์ของเหล็ก เมื่อนำก้อนแร่นี้คลุกผงตะไบเหล็ก ผงตะไบเหล็กจะเกาะติดเป้นกลุ่มอยู่ที่ปลายทั้งสองของก้อนแร่ เมื่อนำก้อนแร่นี้ไปแขวนให้แกว่งได้คล่องในแนวราบ เมื่อหยุดแกว่งแล้วปลายทั้งสองของก้อนแร่จะนิ่งอยู่ในแนวทิศเหนือ ใต้ อยู่เสมอ เมื่อนำก้อนแร่ชนิดนี้ไปถูแท่งเหล็กหลาย ๆ ครั้งให้ถูกวิธี แท่งเหล็กนั้นก็จะปรากฎมีสมบัติดังกล่าวข้างต้นทุกประการ เราเรียกก้อนแร่นี้ว่า แม่เหล็กธรรมชาติ
                        แม่เหล็กย่อมมีสองปลายเสมอ บริเวณที่ปลายทั้งสองเป็นบริเวณที่มีอำนาจแม่เหล็กมากที่สุด เรียกบริเวณปลายทั้งสองนี้ว่า ขั่วแม่เหล็ก เมื่อนำแท่งแม่เหล็กขึ้นแขวนกลาง เมื่อแท่งแม่เหล็กหยุดนิ่ง จะนิ่งอยู่ในแนวทิศเหนือ - ใต้ เสมอ จึงเรียกปลายที่ชี้มุ่งทิศเหนือว่า ขั้วเหนือ และเรียกปลายที่ชี้มุ่งทิศใต้ว่า ขั้วใต้
                        แท่งแม่เหล็กซึ่งอำนาจแม่เหล็กออกไปจากแท่งเป็นบริเวณโดยรอบแท่ง เรียกบริเวณดังกล่าวว่า สนามแม่เหล็ก มีลักษณะประกอบด้วย เส้นแผ่กระจายเต็มสนามแม่เหล็ก เป็นแนวโค้งจากขั้วเหนือไปสู่ขั้วใต้ของแท่งแม่เหล็ก เรียกเส้นเหล่านี้ว่า เส้นแรงแม่เหล็ก
                        โลก มีสภาพเป็นแม่เหล็กเสมือนหนึ่งมีแท่งแม่เหล็กขนาดมหึมาฝังอยู่ในโลก โดยปรากฎมีขั้วเหนืออยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับขั้วโลกใต้ ภูมิศาสตร์และมีขั้วใต้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับขั้วโลกเหนือภูมิศาสตร์ ขั้วทั้งสองของแม่เหล็กโลก มิได้อยู่ประจำที่ โดยจะเคลื่อนวนเป็นแนววงกลม จากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ซึ่งเมื่อจะเคลื่อนวนครบรอบทุก ๆ ประมาณ ๙๖๐ ปี แนววงกลมนี้เป็นฐานของรูปกรวยกลม ซึ่งสันข้างเอียงทำมุม ๑๗ องศา กับแกนภูมิศาสตร์ของโลก         ๒๔/๑๕๒๔๗
                ๔๕๓๕. แม่อาย  อำเภอ ขึ้น จ.เชียงใหม่ มีอาณาเขตทางทิศเหนือและทิศตะวันตก จดประเทศพม่า ภูมิประเทศมีภูเขาล้อมรอบสามด้าน ด้านใต้เป็นที่ราบ
                        อ.แม่อาย ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๖         ๒๔/๑๕๒๕๔
                ๔๕๓๖. แม่ฮ่องสอน  จังหวัดภาคเหนือ มีอาณาเขตทิศเหนือ และทิศตะวันตก จดประเทศพม่า ทิศตะวันออก จด จ.เชียงใหม่ ทิศใต้จด จ.ตาก ภูมิประเทศเป็นที่ดอน มีภูเขาอยู่รอบ มีที่ราบที่จะทำการเพาะปลูกได้เพียงเล็กน้อย พลเมืองมีหลายเผ่าด้วยกันคือ ยาง (กะเหรี่ยง) พม่า ไทยใหญ่ ฮ่อ ต้องสู้ มอญ แม้ว ละว้า เป็นต้น
                        จ.แม่ฮ่องสอน เดิมเป็นป่าดงพงเขา มีพวกไทยใหญ่ ทางเขตพม่าที่อยู่ตามชายแดนได้เข้ามาอาศัยตั้งทับ กระท่อม หากินชั่วฤดูกาลบ้าง แต่ก็อยู่กันห่าง ๆ หาได้ตั้งหลักฐานมั่นคงถาวรไม่ ถึงสมัยกากะวรรณ ฯ  เป็นพระยาเชียงใหม่ (พ.ศ.๒๓๖๘ - ๒๓๘๙)  ได้ให้เจ้าแก้วเมืองมา ออกไปจับช้างป่า ครั้งนั้น เจ้าแก้วเมืองมาได้รวบรวมพวกไทยใหญ่ให้เข้าตั้งบ้านเรือน อยู่เป็นหลักแหล่งขึ้นได้สองแห่ง มีหัวหน้าเป็นผู้ปกครองคือ ที่บ้านหมูกับบ้านแม่ฮ่องสอน เหตุที่เรียกชื่อแม่ฮ่องสอน กล่าวกันว่า เพราะได้ตั้งคอกฝึกสอนช้างป่าอยู่ที่ริมห้วยนั้น
                        ต่อมา หัวเมืองไทยใหญ่ในเขตพม่ามีเหตุจลาจลขึ้น พลเมืองได้รับความเดือดร้อน ก็พากันอพยพเข้ามาอยู่ในเขตแม่ฮ่องสอนมากขึ้น ถึงปี พ.ศ.๒๔๐๐ เจ้าฟ้าเมืองนาย ได้เกิดวิวาทกันขึ้นกับเจ้าฟ้าเมืองหมอกใหม่ เจ้าฟ้าเมืองหมอกใหม่สู้ไม่ได้ จึงอพยพครอบครัวเข้ามาตั้งที่บ้านแม่ฮ่องสอน แล้วญาติวงศ์ได้ไปตั้งบ้านขุนยวม ขึ้นบนริมแม่น้ำยวม
                        เจ้าเมืองปาย ครั้งนั้นขึ้นแก่ จ.เชียงใหม่ ไม่ชอบพอกับเจ้าฟ้าโกหล่าน เมืองหมอกใหม่ จึงไปทูลพระเจ้ากาวิโลรส สุริยวงศ์ว่า เจ้าฟ้าโกหล่าน คิดการกบฎตีเมืองเชียงใหม่ พระเจ้ากาวิโลรส ฯ จึงยกทัพไปแม่ฮ่องสอน เจ้าฟ้าโกหล่านและครอบครัวก็หนีไปเมืองหมอกใหม่ ถึงปี พ.ศ.๒๔๑๒ เจ้าฟ้าโกหล่าน ยกทัพมาตีเมืองปายได้ แล้วจะยกเข้าตีเมืองเชียงใหม่ เมื่อยกทัพมาถึงบ้านสะลวงหนองคาย อ.แม่ริม ทัพเมืองเชียงใหม่ สมทบกับทัพเมืองลำพูน ก็ยกเข้าตีทัพเจ้าฟ้าโกหล่าน แตกกลับไป
                        ถึงสมัยพระอินทรวิชยานนท์ จึงให้ตั้ง บ.แม่ฮ่องสอน ขึ้นเป็นเมือง มีพ่อเมืองปกครองในปี พ.ศ.๒๔๑๗ เมื่อพ่อเมืองคนแรกถึงแก่กรรม ได้ตั้งให้ นางเมียะ ภรรยาพ่อเมืองเป็นผู้ปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน แทน
                        เมื่ออังกฤษยกทัพมาปราบปรามการจลาจลที่เมืองกันทรวดี (ยางแดง) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา เมื่อยังเป็นพระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ขึ้นไปจัดราชการอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ ทรงจัดให้ข้าราชการออกไปขัดตาทัพที่ชายแดน เมืองแม่ฮ่องสอนอยู่จนอังกฤษยกทัพกลับไป
                        ในปี พ.ศ.๒๔๔๓  เริ่มจัดระเบียบการปกครองมณฑลพายัพ จึงให้รวมเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองยวม เมืองปาย ตั้งเป็นบริเวณเชียงใหม่ตะวันตก ตั้งที่ว่าการที่เมืองขุนยวม แล้วย้ายมาตั้งที่เมืองยวม (แม่สะเรียง) เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๖ ต่อมาเปลี่ยนเรียกว่า บริเวณพายัพเหนือ ถึงปี พ.ศ.๒๔๕๓ ย้ายที่ว่าการบริเวณ ฯ มาตั้งที่เมืองแม่ฮ่องสอน คงขึ้นแก่มณฑลพายัพตามเดิม ตอนนี้บรรดาเมืองต่าง ๆ ดังกล่าวได้ถูกยุบลงเป็นอำเภอขึ้น จ.แม่ฮ่องสอน ถึงปี พ.ศ.๒๔๗๖ เลิกมณฑลพายัพ จ.แม่ฮ่องสอน จึงขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทย          ๒๔/๑๕๒๕๔
                ๔๕๓๗. โมกใหญ่  เป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางสูง ๒ - ๑๒ เมตร ใบออกเป็นคู่ ตรงข้ามกัน รูปรีแกมรูปขอบขนาน ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อใกล้ยอด ผลเป็นฝักออกเป็นคู่
                        โมกใหญ่ มีสรรพคุณใช้เป็นยา โดยใช้ได้ทุกส่วน มีกล่าวรายละเอียดในตำราแพทยศาสตร์สงเคราะห์          ๒๔/๑๕๒๕๗
                ๔๕๓๘. โมคคัลลานะ - พระ  เป็นพระมหาเถระ ผู้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในสมัยพุทธกาล ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้ยอดเยี่ยม (เอตทัคคะ) ในทางมีฤทธิ์เป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย คู่กับพระสารีบุตร ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นผู้ยอดเยี่ยมในทางมีปัญญาเป็นเลิศ และเป็นอัครสาวกเบื้องขวา ทั้งสองท่านต่างก็เป็นกำลังสำคัญในการประกาศพระพุทธศาสนา
                        พระโมคคัลลานะ ก่อนบวชมีชื่อว่า โกลิตะ หรือเรียกตามชื่อสกุลว่า โมคคัลลานะ ท่านเป็นบุตรพราหมณ์ นายบ้านผู้หนึ่งกับนางโมคคัลลี เกิดในตำบลหนึ่งไม่ห่างจากกรุงราชคฤห์ และอยู่ไม่ห่างจากบ้านของสกุลแห่งพระสารีบุตร จึงได้เป็นมิตรกับพระสารีบุตร ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ได้ศึกษาศิลปศาสตร์ด้วยกัน ออกบวชเป็นปริพาชกด้วยกัน และได้เข้าบวชเรียนในธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าด้วยกัน
                        เมื่อพระโมคคัลลานะ บวชได้เจ็ดวันได้ไปทำความเพียรอยู่ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม รู้สึกโงกง่วงอยู่ พระพุทธเจ้าเสด็จไปทรงแสดงอุบายระงับความโงกง่วงให้ และทรงสั่งสอนในเรื่องการเกิดความเก้อ ทำให้คิดฟุ้งซ่านห่างจากสมาธิ เรื่องไม่พูดคำอันเป็นเหตุเถียงกัน ถือผิดกัน ทำให้ฟุ้งซ่าน ห่างจากสมาธิ เรื่องไม่สรรเสริญความคลุกคลี ควรหลีกออกเร้น อยู่ตามสมณวิสัย
                        พระโมคคัลลานะ ทูลถามว่า ด้วยข้อปฎิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุชื่อว่าน้อยไปแล้ว ในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า บรรดาธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ทราบธรรมทั้งปวงชัดด้วยปัญญาอันยิ่ง ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง แล้วได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วยปัญญา เป็นเครื่องหมายเป็นเครื่องดับ และเป็นเครื่องสละคืนในเวทนาทั้งหลายนั้น ย่อมไม่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งอะไร ๆ ในโลก ไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสได้เฉพาะตน และทราบชัดว่า ชาตินี้สิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ต้องทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่ต้องทำอย่างนี้มิได้มี
                        พระโมคคัลลานะ ได้ฟังแล้วปฎิบัติตามพระพุทธโอวาท ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในวันนั้น
                        ในสาวกนิพพานปริวัตร กล่าวว่าพระโมคคัลลานะ อยู่มาจนถึงพรรษาที่ ๔๕ นับแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ล่วงมาแล้ว นิพพานหลังพระสารีบุตร ปักษ์หนึ่ง (๑๕ วัน)  พระพุทธเจ้าเสด็จไปทำฌาปนกิจแล้ว รับสั่งให้เก็บอัฐธาตุมาก่อพระเจดีย์ บรรจุไว้ ณ ที่ใกล้ซุ้มประตูเวฬุวนาราม           ๒๔/๑๕๑๖๒
                ๔๕๓๙. โมคคัลลิบุตรติสสเถระ - พระ  เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ผู้เป็นกำลังสำคัญในการจรรโลง พระพุทธศาสนาและเป็นประธานในการสังคายนาครั้งที่สาม ณ วัดอโศการาม เมืองปาฏลีบุตร เมื่อปลายพุทธศตวรรษที่สาม
                        ท่านมีชื่อตัวว่า ติสสะ และเป็นบุตรของโมคคัลลิพราหมณ์ ชาวเมืองปาฎลีบุตร ท่านได้ศึกษาพระเวทจนจบทั้งสามคัมภีร์ เมื่ออายุ ๑๖ ปี และในปีเดียวกันได้บวชเป็นสามเณร ในพระพุทธศาสนา และได้บรรลุพระโสดาบันในเวลาไม่นานนัก จากนั้น พระลิคควเถระ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ได้สอนพระวินัยปิฎก จนท่านมีความรู้แตกฉาน แล้วนำท่านไปมอบให้เป็นศิษย์พระจัณฑวัชชีเถระ เพื่อให้เรียนพระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎกต่อไป หลังจากอายุครบ ๑๐ ปี และได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุได้ไม่ถึงพรรษา ท่านก็เรียนพระไตรปิฎก พร้อมทั้งอรรถกถาต่าง ๆ และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ในกาลต่อมา
                        เมื่อพระเจ้าอโศก ฯ ขึ้นครองราชย์และทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว เมื่อทรงสดับพระธรรมเทศนาจากท่านว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมไว้ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ก็โปรดให้สร้างพระอาราม และพระสถูป จำนวนเท่าธรรมขันธ์ ไว้ประจำเมืองต่าง ๆ จำนวน ๘๔,๐๐๐ แห่ง ส่วนพระอารามที่โปรดให้สร้างที่เมืองปาฎลีบุตร มีชื่อว่า  อโศการาม
                        พระเจ้าอโศก ฯ ตรัสถามพระสงฆ์ว่า ที่พระองค์ทรงบริจาคพระราชทรัพย์จำนวนมากบำรุงพระศาสนาเช่นนี้ พอจะได้ชื่อว่า ศาสนทายาท ได้แล้วหรือยัง  พระโมคคัลลิบุตร ฯ ถวายพระพรว่า พระองค์เป็นเพียงปัจจัยทายก เท่านั้น ผู้ที่จะเป็นศาสนทายาท นั้นต้องให้บุตร หรือธิดา ออกบวชในพระพุทธศาสนา พระเจ้าอโศก ฯ จึงรับสั่งให้พระมหินทร ราชโอรสและพระนางสังฆมิตตา ราชธิดาออกทรงผนวช หลังจากนั้น พระเจ้าอโศก ฯ ก็ทรงอุปถัมภ์บำรุงพระภิกษุสงฆ์มากยิ่งขึ้น จนมีนักบวชนอกพระพุทธศาสนาปลอมบวช เข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อแสวงหาลาภสักการะ ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายไม่ยอมทำอุโบสถ สังฆกรรม ร่วมกับเดียรถีย ผู้ปลอมบวชเหล่านั้นที่อโศการามเวลานั้น พระสงฆ์จึงงดอุโบสถสังฆกรรม ถึงเจ็ดปี
                        เมื่อพระเจ้าอโศก ฯ ทรงทราบจึงทรงอาราธนาให้พระโมคคัลลิบุตร ฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ แล้วพระองค์ทรงเป็นประธานในการกำจัดเดียรถีย ที่ปลอมบวชโดยทรงปฎิบัติตามคำแนะนำของพระโมคคัลลิบุตร ฯ จนสามารถคัดเดียรถีย สึกออกไปได้ถึง ๖๐,๐๐๐ คน
                        หลังจากนั้น พระโมคคัลลิบุตร ฯ ได้คัดเลือกพระเถระผู้แตกฉานในพระไตรปิฎกจำนวน ๑,๐๐๐ รูป ทำสังคายนาพระธรรมวินัย นับเป็นครั้งที่สาม โดยที่ท่านเป็นประธาน พระเจ้าอโศก เป็นองค์อุปถัมภ์ใช้เวลาเก้าเดือนจึงเสร็จ และท่านได้แต่งหนังสือกถาวัตถุปกรณ์ ด้วย
                        หลังจากนั้น ท่านได้คัดเลือกพระเถระ สมณทูตจำนวนเก้าสาย สายละห้ารูป ส่งออกไปประกาศพระพุทธศาสนาในที่ต่าง ๆ คือ สายที่หนึ่ง ไปยังรัฐกัษมีระ และคันธาระ (ปัจจุบันคือ แคชเมียร์และอัฟานิสถาน)  สายที่สอง ไปยังมหิสกมณฑล (ปัจจุบันคือ แคว้นไมเซอร์)  สายที่สาม ไปยังวนวาสิชนบท (แคว้นกนราเหนือ ที่ปัจจุบันคือ เขตแดนเหนือเมืองบอมเบย์ ข้างฝ่ายใต้)  สายที่สี่  ไปยัง อปรันตกชนบท  (ปัจจุบันคือ ชายทะเลตอนเหนือเมืองบอมเบย์) สายที่ห้า ไปยังมหารัฐชนบท (ตอนต้นแม่น้ำโคธาวารี อยู่ทางเหนือบอมเบย์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) สายที่หก ไปยังโยนกประเทศ (ปัจจุบันคือ ดินแดนตั้งแต่อัฟกานิสถาน จนจดประเทศอิหร่าน) สายที่เจ็ด ไปยังหิมวันตประเทศ (ปัจจุบันคือ เมืองต่าง ๆ ที่อยู่แถบภูเขาหิมาลัย) สายที่แปด  ส่งพระโสณกเถระ และพระอุตตรเถระ เป็นหัวหน้ามายังสุวรรณภูมิ (ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำในประเทศไทย และพม่า)  สายที่เก้า  ส่งพระมหินทรเถระ เป็นหัวหน้าไปยังลังกาทวีป         ๒๔/๑๕๒๗๐


    • Update : 27/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch