หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    สารานุกรมไทยฉบับย่อ/128
    ๔๓๔๒. มัน ๒ หรือไขมัน เป็นเนื้อเยื่อเกียวพันของร่างกาย เนื้อเยื่อนี้มีเซลล์ไขมันสะสมกันอยู่เป็นจำนวนมากจนหนาตัวขึ้นมา สามารถแยกออกเป็นแผ่น หรือเป็นก้อนโตพบบริเวณใต้หนังขั้วของกระเพาะอาหาร และขั้วของลำไส้ หรือแทรกอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
                    น้ำมันจากคนและสัตว์ เป็นสารประกอบจำพวกไทรกลีเซอไรด์ เช่นเดียวกับน้ำมันจากพืชเพียงแต่กรดไขมันของมันสัตว์ มักจะเป็นชนิดที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ และเป็นสารประกอบประเภทอิ่มตัวกว่า ทำให้ร่างกายนำคอเลสเทอรอล ซึ่งเป็นสารประเภทหนึ่งไปเผาผลาญได้ช้ากว่าปรกติ จึงเป็นเหตุให้คอเลสเทอรอลตกค้างอยู่มาก และเกาะพอกพูนอยู่ที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งได้ง่ายขึ้น
                    เมื่อบริโภคอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน เข้าไปก็จะเกิดกระบวยการเบตตาบอลิซึ่ม ร่วมทำให้เกิดพลังงาน และอาจนำอาหารเหล่านั้น แปรเปลี่ยนไปเป็นไขมันได้แล้วนำไปเก็บสะสมในรูปของเนื้อเยื่อไขมัน ร่างกายจะนำไขมันที่เก็บสะสมไว้ไปเปลี่ยนเป็นพลังงานในภาวะที่ร่างกายขาดแคลนอาหาร เนื่องจากไขมันเป็นสารที่ให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต และมีของเสียจากการเผาผลาญน้อยกว่าโปรตีน          ๒๓/๑๔๗๔๙
                ๔๓๔๓. มันธาตุราช  เป็นพระราชจักรพรรดิ์แห่งชมพูทวีปในกาลเป็นปฐมกัปที่ล่วงมาแล้ว พระองค์ทรงเป็นโอรสของพระเจ้าวรอุโบสถราช ทรงมีฤทธิ์เดชมากบริบูรณ์ด้วยแก้ววิเศษเจ็ดประการ พระองค์ไม่มีความพอพระทัยในราชสมบัติจนได้ขึ้นไปเสวยสมบัติในสวรรค์ก็ยังไม่พอพระทัย
                    พระพุทธเจ้าทรงตรัสเล่าเรื่องนี้แก่ภิกษุทั้งหลาย โดยทรงปรารภถึงภิกษุรูปหนึ่งที่ออกบวชในธรรมวินัยแล้วมีความกระสันอยากสึกออกมาเป็นฆราวาส ๒๓/๑๔๗๕๐
                ๔๓๔๔. มันปู เป็นไม้พุ่มเลื้อยมีกลิ่นหอม ใบออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ รูปไข่หรือรูปหอก ดอกสีม่วง ออกเป็นช่อกระจาย ผลรูปรีกว้างแบน เมล็ดมีปีกบาง
                    มันปูเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ รากและเปลือกเป็นยาทำให้อาเจียน ใบบริโภคดิบ ๆ หรือถ้านำมาต้มจะลดกลิ่นลง แก้ท้องอืด ท้องเฟือ อาหารไม่ย่อย และโรคไขข้อ          ๒๓/๑๔๗๕๘
                ๔๓๔๕. มันสมองหรือสมอง  เป็นอวัยวะของระบบประสาทอยู่ส่วนหัวหรือในกระโหลกศีรษะของคนหรือสัตว์ เป็นที่รวมของเซลล์ประสาท เซลล์พยุง และใยประสาท สมองของสัตว์ชั้นสูงจะมีขนาดใหญ่ นิ่ม สีค่อนข้างขาวคล้ายไขมัน
                    สมองของสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังมีเซลล์ประสาท และเซลล์พยุงอยู่ส่วนนอก และใยประสาทส่วนใหญ่อยู่ส่วนใน สมองมีประสาทสมองออกมาเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณศีรษะ ช่องอก และช่องท้อง ปลามีประสาทสมอง ๑๑ คู่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีประสาทสมอง ๑๒ คู่ สมองต่อกับใขสันหลังทางด้านล่าง หรือทางด้านหาง สมองและไขสันหลัง มีเยื่อหุ้มสมองหุ้ม และยึดให้ติดอยู่กับกะโหลกศีรษะ และกระดูกสันหลัง ในระหว่างเยื่อสมองกับสมองมีน้ำไขสันหลังแทรกอยู่ และน้ำไขสันหลังยังมีอยู่ในโพรงของสมอง และในท่อส่วนกลางตามยาวของไขสันหลังด้วย น้ำไขสันหลังทำหน้าที่กันการกระเทือน ที่จะมีต่อสมองที่ลอยตัวอยู่ในน้ำไขสันหลัง นอกจากนั้นยังทำหน้าที่นำอาหารเข้าสู่สมอง และไขสันหลัง และนำของเสียออกจากอวัยวะทั้งสองนั้นด้วย
                    ในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคน สมองแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ คือ สมองส่วนหน้า  สมองส่วนกลาง และสมองส่วนหลัง
                      ซีรับรัม  ซึ่งอยู่ในสมองส่วนหน้า ทำหน้าที่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิด การสั่งงาน และการประสานการทำงานของอวัยวะซีกซ้าย และซีกขวาของร่างกาย ตลอดจนการประสานการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ส่วนแกนของสมองส่วนหน้า ทำหน้าที่ควบคุมประสาทอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ควบคุมการหลั่งฮอร์โมน ควบคุมการปรับอวัยวะภายในของร่างการให้อยู่ในระดับปรกติ
                      สมองส่วนกลาง  เป็นส่วนประสานการทำงานของตา และของหูกับการทำงานของอวัยวะอื่น และทำหน้าที่เป็นทางผ่านของกลุ่มใยประสาท ระหว่างสมองส่วนหน้า กับไขสันหลัง
                      ซีรีเบลลัม  ซึ่งอยู่ในสมองส่วนหลังควบคุมการเคลื่อนไหวให้นุ่มนวล และทำหน้าที่ควบคุมการกะระยะทางให้ถูกต้อง
                      ส่วนก้านของสมอง  ซึ่งอยู่ในสมองส่วนหลังทำหน้าที่ควบคุมการหายใจ ควบคุมการหลับการตื่น การทรงตัว และเป็นทางผ่านของเส้นประสาทจากสมอง ไปยังไขสันหลัง และจากไขมันหลังไปยังสมอง          ๒๓/๑๔๗๕๙
                ๔๓๔๖. มั๊ม  เป็นอาหารชนิดหนึ่งของชาวไทย ในบางจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เก็บไว้บริโภคได้นาน ๆ ลักษณะคล้ายไส้กรอก ส่วนมากทำจากเนื้อและตับวัว          ๒๓/๑๔๗๖๑
                ๔๓๔๗. มัสหมั่น  เป็นชื่อแกงชนิดหนึ่ง เดิมเป็นอาหารของชาวมุสลิม แกงกับเนื้อสัตว์ เช่น ไก่หรือเนื้อวัว เป็นแกงซึ่งค่อนข้างข้น มีรสหวานและเปรี้ยวนำ
                    แกงมัสหมั่นมีปรากฎชื่ออยู่ในกาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่สองว่า
                    "มัสหมั่นแกงแก้วตา  หอมยี่หร่ารสร้อนแรง"          ๒๓/๑๔๗๖๑
                ๔๓๔๘. ม้า ๑  เป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังจัดอยู่ในชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอันดับสัตว์กีบเดี่ยว ซึ่งเป็นพวกเดียวกันกับสมเสร็จ และแรด วงศ์ม้าและลา เป็นสัตว์ที่จัดไว้ในสกุลเดียวกัน ๑ ประมาณ
                    ต้นตระกูลของม้า มีกำเนิดมาเมื่อ ๖๕ - ๗๐ ล้านปีมาแล้ว กระจายพันธุ์ทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ เป็นสัตว์ที่กินใบไม้เป็นอาหารมีอยู่หลายชนิด ขาหน้ามีสี่นิ้ว ขาหลังมีสามนิ้ว
                    ม้าป่าตามธรรมชาติจะอาศัยอยู่เป็นฝูงใหญ่มากตามทุ่งโล่ง แต่ละฝูงจะประกอบไปด้วยม้าตัวเมีย ลูกม้า ม้ารุ่นและม้าตัวผู้ ซึ่งจะมีอยู่เพียงตัวเดียว และทำหน้าที่เป็นจ่าฝูง ม้ารุ่นตัวผู้หากโตเต็มที่จะถูกจ่าฝูงขับไล่ออกจากฝูง ม้ารุ่นตัวผู้ที่ถูกขับไล่เหล่านี้จะพยายามเข้าฝูง โดยเฉพาะในช่วงฤดูผสมพันธุ์ แต่ต้องต่อสู้กับจ่าฝูงเสียก่อน ตัวที่ชนะจะเป็นจ่าฝูงออกหากินปกป้องภยันตรายต่าง ๆ ให้กับม้าในฝูง และผสมพันธุ์กับตัวเมียที่โตเต็มที่ทุกตัวภายในฝูง ม้าตัวเมียตกลูกครั้งละหนึ่งตัว ลูกม้าอายุสี่ปีจึงจะเป็นตัวเต็มวัย ปรกติอายุยืนประมาณ ๑๐ ปี แต่บางตัวอายุยืน ๓๐ - ๔๐ ปี
                    การติดต่อสื่อสารภายในฝูง หรือตัวอื่นที่อยู่นอกฝูงก็โดยการส่งเสียงร้อง และการแสดงท่าทาง หรืออาการต่าง ๆ การต่อสู้ระหว่างม้าตัวผู้ด้วยกัน ปรกติจะใช้ขาหน้าทั้งคู่ยกขึ้นแล้วตะกายกัน และอาจใช้ฟันกัดกัน บางครั้งจะใช้สองขาหลังดีดไปข้างหลังพร้อม ๆ กัน ส่วนการต่อสู้กับสัตว์อื่น ๆ จะใช้เฉพาะสองขาหลัง
                    มนุษย์ใช้ประโยชน์จากม้าในระยะแรก ๆ ด้วยการล่าม้า เพื่อใช้เนื้อเป็นอาหาร ส่วนม้าเลี้ยงคาดว่าคงจะมีมานานแล้วอย่างน้อยก็กว่า ๓,๐๐๐ ปีก่อน พุทธศักราช การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ม้าแล้วนำมาผสมพันธุ์กัน ชาวอาหรับเป็นชาติแรกที่ดำเนินการในเรื่องนี้
                    ม้าที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นม้าเลี้ยงทั้งสิ้น และเป็นม้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งสิ้น ม้าเป็นสัตว์พาหนะตามกฎหมาย เช่นเดียวกับ ช้าง วัว ควาย ลา และล่อ จะต้องมีการบันทึกรูปพรรณสัญฐาน และจดทะเบียนการครอบครองเหมือนกับอสังหาริมทรัพย์          ๒๓/๑๔๗๖๒
                ๔๓๔๙. ม้า ๒ - ปลา  อยู่ในวงศ์เดียวกับปลาจวด ซึ่งเป็นปลาทะเลทั้งหมด ลำต้นค่อนข้างยาวแบนข้างจะงอยปากสั้น พบแพร่หลายอยู่ในน่านน้ำหลายประเทศ แหล่งอาศัยทั้งในทะเล ในน้ำกร่อยบริเวณปากแม่น้ำ และในแม่น้ำ
                    ปลาม้ากินอาหารประเภทสัตว์จัดเป็นปลาชั้นดีเคยพบขนาดโตเต็มที่ยาวเกินกว่าหนึ่งเมตร เนื้อปลามีรสชาดอร่อย ประกอบอาหารได้หลายแบบ          ๒๓/๑๔๗๖๙
                ๔๓๕๐. ม้า ๓ - ปู  (ดูปูม้า - ลำดับที่ ๓๓๙๔)          ๒๓/๑๔๗๗๒
                ๔๓๕๑. มาเก๊า ประกอบด้วย เกาะเล็กสองเกาะ คือ เกาะไตปา และเกาะโคลาน รวมพื้นที่ ๑๖ ตร.กม. ตั้งอยู่ใกล้ผืนแผ่นดินจีนห่างจากเมืองกวางตุ้ง ๑๒๘ กม.
                    มาเก๊าเป็นดินแดนจีนอยู่ในปกครองของโปร์ตุเกสมาก่อน ชาวโปร์ตุเกสได้เดินทางไปถึงประเทศจีน ในสมัยราชวงศ์เหม็ง ภายหลังที่โปร์ตุเกสตีได้เมืองมะละกาในปี พ.ศ.๒๐๕๔ และแต่งทูตมายังกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่สอง (พ.ศ.๒๐๓๔ -  ๒๐๗๒)  กองเรือรบโปร์ตุเกสได้ไปถึงเมืองกวางตุ้งเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.๒๐๕๙ และได้รับการต้อนรับอย่างดี
                    ในปี พ.ศ.๒๑๐๐ ชาวโปร์ตุเกสได้รับอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐานได้ที่เมืองมาเก๊าในแหลมมาเก๊า โปร์ตุเกสได้ทำนุบำรุงเมืองนี้ ให้เป็นศู่นย์กลางการค้าของชาวยุโรปที่ติดต่อกับจีน ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๓๐  จีนตกลงลงนามในสนธิสัญญาฉบับหนึ่งมอบอธิปไตยในมาเก๊าให้แก่โปร์ตุเกส ครั้นอังกฤษได้ปกครองเกาะฮ่องกงตามสนธิสัญญานานถึง พ.ศ.๒๓๘๕  ก็ได้พัฒนาเกาะสี้ให้เป็นศูนย์กลางการค้า และการเงินที่เจริญก้าวหน้ายิ่งกว่ามาเก๊า ในระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา (พ.ศ.๒๔๘๔ - ๒๔๘๘)  มีผู้ลี้ภัยไปอยู่ในมาเก๊าหกแสนคน รายได้ของมาเก๊าได้แก่ ภาษีจากบ่อน การพนัน การท่องเที่ยว การทำประทัด ไม้ขีดไฟ และธูป กับปลาตากแห้ง
                    มาเก๊ามีระบบการปกครองแบบกึ่งอธิปไตยมากกว่าเป็นอิสระจากประเทศจีน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๙ โปร์ตุเกสได้ให้อธิปไตยแก่มาเก๊าอย่างกว้างขวาง และในปี พ.ศ.๒๕๓๐ โปร์ตุเกสและจีน ได้ทำความตกลงกัน โดยโปร์ตุเกสจะคืนมาเก๊าให้จีน ในปี พ.ศ.๒๕๔๒ โดยจีนให้การรับรองว่าจะไม่มีการแทรกแซงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนระบอบทุนนิยมในมาเก๊าเป็นเวลา ๕๐ ปี เช่นเดียวกับที่ให้การรับรองเกาะฮ่องกง          ๒๓/๑๔๗๗๒
                ๔๓๕๒. มาฆบูชา  (ดูจาตุรงสันนิบาต - ลำดับที่ ๑๓๗๕)          ๒๓/๑๔๗๗๔
                ๔๓๕๓. มาณีกี - ลัทธิ  เป็นขบวนการทางศาสนามี่เกิดในเปอร์เชีย (อิหร่านปัจจุบัน)  เมื่อพุทธศตวรรษที่แปด
                    คำว่ามาณีกี มาจากคำว่ามณี หรือมาเนส ซึ่งเป็นชื่อของศาสดาผู้ตั้งลัทธินี้ มณีเกิดเมื่อปี พ.ศ.๗๕๙ ในบาปิโลเนียภาคใต้ ซึ่งในสมัยเป็นส่วนหนึ่งของจักรพรรดิ์อิหร่านอันได้แก่ ประเทศอิรักในปัจจุบัน มณีได้เจริญเติบโตอยู่ในประชาชน ที่ได้รับอิทธิพลของคำสอนของศาสนายิว ผสมกับศาสนาคริสต์ เมื่อมณีอายุได้ ๒๔ ปี เทพได้บอกให้ท่านออกประกาศคำสอนของท่านต่อประชาชน
                    ตอนแรกท่านได้เดินทางไปยังเตสิโฟนแล้วต่อไปยังภาคตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอินเดีย ปัจจุบันได้แก่ บาลูชิสถาน แล้วเดินทางกลับเปอร์เซียเข้าเฝ้า และสนทนากับพระเจ้าชาปูรที่หนึ่ง และได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ศาสนาใหม่ของท่านในเปอร์เชียได้อย่างเสรี และได้ส่งศาสนาทูตไปเผยแพร่ในดินแดนต่างประเทศพร้อม ๆ กันไปด้วย เมื่อพระเจ้าชาปูรที่หนึ่งสวรรคต พระเจ้าวาหรามที่หนึ่ง ผู้เป็นโอรสองค์เล็ก ได้ครองราชย์มณีถูกจับจำคุกจนถึงแก่ชีวิต
                      หลักคำสอนที่สำคัญของลัทธิมาณีกี  เป็นหลักคำสอนที่มีการผสมผสานระหว่างคริสต์ศาสนา กับพระพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ แต่เน้นในเรื่องการใช้เหตุผลมากกว่าศรัทธา ชนิดที่สอนให้เชื่ออย่างงมงาย ทำให้นักปราชญ์คนสำคัญของตะวันตก เช่น ออกัสตินและเพื่อน ๆ ได้หันมานับถือลัทธิมาณีกีอยู่เป็นเวลานาน แต่ภายหลังนักบวชในลัทธิมาณีก็ได้โต้วาทะพ่ายแพ้แก่เซนต์อันโบรส นักบวชที่มีชื่อเสียงของคริสต์ศาสนา จึงทำให้ออกัสตินหมดศรัทธา แล้วหันไปนับถือคริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก ในที่สุดได้รับสถาปนาเป็นเซนต์ในตอนต้นสมัยกลาง
                       มณีเห็นว่าตัวท่านเป็นศาสดาพยากรณ์องค์สุดท้ายที่พระเจ้าส่งมาให้โปรดมนุษยชาติ โดยเริ่มจากอาศัยเป็นต้นมา และเชื่อว่าศาสดาพยากรณ์ที่สำคัญได้แก่ พระพุทธเจ้า โซโรอัสเตอร์ และพระเยซู นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๘ - ๑๙ ลัทธิมาณีกีได้รับการตอบสนองในดินแดนบางส่วนของโลก ตั้งแต่ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของยุโรป ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของเอเชีย
                        ในสามสิบปีสุดท้ายของพุทธศตวรรษที่สิบสอง ศาสนจักรมาณีกีได้ขยายตัวเข้าไปในตะวันออกไกลและได้ไปปรากฎในประเทศจีน เมื่อปี พ.ศ.๑๒๑๘ จนถึงกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘ เมื่อพวกมองโกล ซึ่งมีเจงกิสข่านเป็นผู้นำได้ยกกองทัพไปย่ำยีเตอร์กิสถานลัทธิมาณีกีก็ได้ถูกทำลายเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
                        เป็นที่มาสังเกตว่า ลัทธิมาณีกีที่ได้เข้าสู่เอเชียกลางและประเทศจีนนั้นได้พยายามเป็นคำสอนของตนให้เข้ากับพระพุทธศาสนา
                        ลัทธิมาณีกีที่เข้าไปเผยแพร่อยู่ทางตะวันตกก็พยายามปรับตัวเข้ากับคำสอนในคริสต์ศาสนา และกลายเป็นคริสต์ศาสนามากขึ้น          ๒๓/๑๔๗๗๔
                ๔๓๕๔. มาธยมิกนิกาย  เป็นนิกายหนึ่งของพระพุทธศานาฝ่ายมหายานแปลตามศัพท์ว่า นิกายทางสายกลาง ภิกษุนาคารชุนเป็นปฐมาจารย์ของนิกายนี้ ท่านมีชีวิตอยู่ในพุทธศตวรรษที่เจ็ด เกิดในวรรณะพราหมณ์เป็นชาวเมืองวิธรรพในอินเดียภาคใต้ ท่านเป็นคณาจารย์ฝ่ายมหายานที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยของท่าน ท่านมีความรู้ดีทั้งฝ่ายพราหมณ์และฝ่ายพุทธ ท่านได้อธิบายพุทธมติด้วยระบบวิภาษวิธี
                    นอกจากจะรู้จักกันในนามนิกายมาธยมิกะแล้ว นิกายนี้ยังรู้จักกันทั่วไปในอีกชื่อหนึ่งว่า นิกายศูนยวาท โดยถือเอาคำสอนเรื่อง ศูนยตา ที่นาคารชนได้แสดงไว้ในมหาปรัชญาปารมิตาสูตร ท่านได้แสดงทรรศนะของท่านโดยยึดคำสอนเรื่องอนัตตา และปฏิจจสมุปบาทของพระพุทธศาสนาเป็นหลัก แสดงให้เห็นว่าคำสอนของพระพุทธศาสนาอยู่ตรงกลางระหว่างอัตถิตา ที่ยึดว่าสิ่งทั้งปวงมีอยู่จริง โดยตัวของมันเอง ซึ่งมีลักษณะเป็นสัสสตทิฎิฐิ หรือความเห็นว่าเที่ยง กับฝ่ายนัตถิทา ที่ยึดถือว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีอยู่จริง ซึ่งมีลักษณะเป็นอุจเฉททิฏฐิ หรือความเห็นว่าขาดสูญ ท่านกล่าวว่าโดยเหตุที่โลก และสิ่งทั้งปวงมีสภาพเป็นปฏิจจสมุปปันธรรม (คือสิ่งที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดมีขึ้น) มันจึงเป็นสิ่งสัมพันธ์ (คือสิ่งที่มีความเป็นของมันต้องขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น เพราะเป็นสิ่งสัมพันธ์มันจึงไม่มีสุวลักษณะ ลักษณะที่แสดงถึงความมีอยู่ได้โดยตัวของตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งอื่น มันจึงเป็นศูนยตา คือ ว่างเปล่าจากความเป็นสิ่งที่มีอยู่ได้โดยตัวของมันเอง เพราะเหตุนั้นปฏิจจสมุปปันนธรรมอันใด ศูนยตาก็อันนั้น ศูนยตาอันใด มัชฌิมาปฏิปทาก็อันนั้น เมื่อพิจารณาปฏิจจสมุปบาท โดยสายเกิดก็เป็นโลกสมุทัย ความยึดถือในนัตถิตาก็หมดไป เมื่อพิจารณาปฏิจจสมุปบาทโดยสายดับก็เป็นโลภนิโรธความยึดถือในอัตถิก็หมดไป
                    ท่านได้ยกพระพุทธภาษิตในสังยุตุตนิกายมาสนับสนุนมติของท่านว่า "ดูก่อนกัจจานะโลกนี้โดยมากอาศัยส่วนสุดสองอย่างคือ อัตถิถา (ความมี)  หนึ่งนัตถิตา (ความไม่มี) หนึ่ง ก็เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลกด้วยปัญญอันชอบตามความเป็นจริงแล้ว นัตถิตายอมไม่มี เมื่อบุคคลเห็นความเกิดแห่งโลกด้วยปัญญา อันชอบตามความเป็นจริงแล้วอัตถิตาย่อมไม่มี... ดูก่อนกัจจานะข้อที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีอยู่นี้เป็นส่วนสุดยอดอย่างหนึ่ง ข้อที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีอยู่นี้เป็นส่วนสุดที่สอง ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลางไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุดทั้งสองนั้นว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร..."          ๒๓/๑๔๗๘๖
                ๔๓๕๕. มาน - โงด (ดูท้องมาน - ลำดับที่ ๒๔๗๗)          ๒๓/๔๗๙๑
                ๔๓๕๖. ม่านลายหรือปั้นลายหรือตาพายหลังลาย   เป็นตาพายน้ำชนิดเดียวกับชนิดหนึ่งในจำนวนห้าชนิด ที่มีรายงานในประเทศไทยชอบอาศัยอยู่ในน้ำจืด เป็นตะพายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปรกติจะอยู่ในน้ำ ชอบอยู่ในที่น้ำไหลใสสะอาดพื้นเป็นทราย          ๒๓/๑๔๗๙๑
                ๔๓๕๗. มานวธรรมศาสตร์  เป็นคัมภีร์หรือตำราทางศาสนาฉบับหนึ่งของฮินดู เป็นคัมภีร์ที่เกิดจากแนวคิดประเพณี และวิธีปฏิบัติของชาวฮินดู ซึ่งสืบทอดกันมากนับพันปี นักปราชญ์หลายท่านมีความเห็นว่า มานวศาสตร์เป็นคัมภีร์ฉบับเดียวกับคัมภีร์มนูธรรมศาสตร์
                    เนื้อความของคัมภีร์เริ่มด้วยจินตนาการเกี่ยวกับการสร้างโลก ประกอบด้วย แนวปฏิบัติของมนุษย์ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับธรรมชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน          ๒๓/๑๔๗๙๕
                ๔๓๕๘. ม้าน้ำ - ปลา  เป็นกลุ่มปลาที่มีรูปร่างลักษณะแปลกตาไม่เหมือนปลาอื่น ๆ และพฤติกรรมบางอย่างก็ผิดแปลกไปจากปลาอื่น พบว่ามีอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของโลกเพียง ๒๔ ชนิด และอยู่ในบริเวณทะเลเขตร้อน และเขตอบอุ่นเท่านั้น ในน่านน้ำไทยพบอยู่สองชนิด          ๒๓/๑๔๗๙๘
                ๔๓๕๙. มานุษยวิทยา  เป็นวิชาที่ศึกษามนุษยจากหลาย ๆ แง่มุม โดยเน้นที่การศึกษาวัฒนธรรม ซึ่งหมายถึง วิถีชีวิต แบบแผน พฤติกรรม ความรู้ ความเข้าใจของมนุษย์กลุ่มต่าง ๆ ซึ่งเป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน และกระจายอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของโลก ทั้งในปัจจุบันและอดีต ดังนั้นมานุษยวิทยา จึงเป็นวิชาที่มีขอบเขตกว้างขวางมากในแง่ภูมิศาสตร์ นักมานุษยวิทยาได้รวบรวมรายละเอียดของวิถีชีวิตชนเผ่าต่าง ๆ
                      วิชาที่เป็นองค์ประกอบ  ในสหรัฐอเมริกามานุษยวิทยาประกอบด้วย วิชาหลักสี่วิชาคือ
                                ๑. มานุษยวิทยากายภาพ หรือมานุษยวิทยาชีวิภาพศึกษาวิวัฒนาการทางกายภาพของมนุษย์ตั้งแต่มนุษย์โบราณมาจนถึงมนุษย์โฮโมเซเปียน ตลอดจนกลไกของวิวัฒนาการ เช่น หลักทางพันธุกรรมศาสตร์ และแนวคิดเกี่ยวกับเชื้อชาติ
                               ๒. โบราณคดี ศึกษาร่องรอยของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในยุคก่อนประวัติศาสตร์
                                ๓. ภาษาศาสตร์ ศึกษาโครงสร้างของภาษาและการสื่อสารของมนุษย์
                                ๔. มานุษยวิทยาวัฒนธรรม บางทีเรียกว่าชาติพันธุ์วิทยา ศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบและอธิบายวิถีชีวิตของมนุษย์ในที่ต่าง ๆ ในแขนงนี้ได้รวมงานที่เรียกว่าชาติพันธุ์วรรณาไว้ด้วย
                        ส่วนในอังกฤษวิชามานุษยวิทยาจะประกอบด้วย มานุษยวิทยากายภาพ และมานุษยวิทยาสังคม สำหรับประเทศไทยเป็นระบบของสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ          หน้า ๑๔๘๐๓
                ๔๓๖๐. ม้าม  เป็นอวัยวะที่อยู่ภายในร่างกายตรงบริเวณชายโครงซ้ายลึกเข้าไปทางส่วนหลัง และอยู่หลังกระเพาะอาหารตรงระดับซีโครงซีที่ ๙ - ๑๐ และ ๑๑ พื้นผิวด้านบนสัมผัสกับส่วนซี่โครงของกะบังลม ส่วนพื้นผิวด้านล่างสัมผัสกับกระเพาะอาหาร ตับอ่อน ไตข้างซ้ายและลำไส้ใหญ่ส่วนโค้งพับทางด้านซ้าย มีลักษณะอ่อนนุ่มคล้ายยางลบ มีสีม่วง เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย
                    ขนาดของม้ามแตกต่างกันได้มากตามอายุปรกติโตประมาณกำปั้น โดยเฉลี่ยหนักประมาณ ๑๕๐ กรัม ภายในบ้านมีหลอดเลือดมากมาย ภายนอกมีเยื่อบุช่องท้องลักษณะพังผืดบาง ๆ หุ้มอยู่โดยรอบยกเว้นบริเวณขั้วม้าม ซึ่งเป็นทางเข้าของหลอดเลือดแดงและทางออกของหลอดเลือดดำ ม้ามมีหน้าคือ
                            ก. สร้างเม็ดเลือดแดงในช่วงอายุที่ยังเป็นเอมบริโอ คือ เมื่อทารกอยู่ในครรภ์มารดา เมื่อพ้นระยะนี้ไปแล้ว ก็สิ้นสุดหน้าที่
                            ข. เป็นเครื่องกรองเลือด เช่นเดียวกับต่อมน้ำเหลือง เม็ดเลือดแดงที่ถึงอายุขัย (ประมาณ ๑๒๐ วัน) จะถูกทำลาย ซากของเม็ดเลือดแดง จะถูกเซลล์ที่พิเศษกิน ส่วนฮีโมโกลบินจะแตกตัวแล้วนำไปสู่ตับ โกลบินจะถูกนำไปเก็บที่คลังของโปรตีน หรือถูกขับถ่ายออกทางปัสสาวะ ภายหลังที่ถูกทำลายไป ฮีมจะถูกแยกออกเป็นเหล็ก โดยเหล็กนี้จะถูกเก็บไว้ และนำมาใช้สร้างเม็ดเลือดแดงอีก ส่วนสารสีก็จะถูกตับเปลี่ยนแปลงได้ เป็นสีน้ำดี แล้งถูกขับออกทางอุจจาระ (เป็นสีของอุจจาระ) การสร้างและการทำลายเม็ดเลือดแดง เกิดขึ้นในอัตราเดียวกัน ทำให้จำนวนเม็ดเลือดแดงคงที่อยู่เสมอ
                            ค.  เป็นคลังเก็บเลือด มีเลือดเก็บอยู่ในม้าม ประมาณ ๓๕๐ มล . ไว้สำรองใช้ในยามฉุกเฉิน ม้ามจะบีบตัวขับเลือดเข้าสู่การไหลเวียนได้ประมาณ ๒๐๐ มล. การออกกำลังกายอย่างรุนแรง ทำให้ร่างกายต้องการเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ เช่น กล้ามเนื้อ ปอด หัวใจ ฯลฯ เพิ่มมากขึ้นกว่าในภาวะฟัก ในการนี้ร่างกายจะได้รับเลือดจากอวัยวะอื่น ๆ เพิ่มขึ้น เช่น จาก ม้าม ตับ กระเพาะอาหาร ลำไส้ และไต เพราะอวัยวะต่าง ๆ เหล่านี้จะได้รับเลือดลดลงจากเดิม ถึงร้อยละแปดสิบ โดยการทำงานของประสาทซิมพะเทติก
                        ม้าม ยังมีหน้าที่เหมือนเนื้อเยื่อ น้ำเหลือง (ระบบน้ำเหลือง) คือ
                            ก. ทำลายแบคทีเรีย และขจัดสิ่งแปลกปลอมโดยเซลล์ ที่มีหน้าที่ทำลาย
                            ข. สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
                            ค. ส่งน้ำในเนื้อเยื่อกลับคืนเข้าสู่การไหลเวียนของเลือด เมื่อมีน้ำมากอยู่ในที่ว่างระหว่างเซลล์ น้ำ (และโปรตีน) จะถูกนำกลับสู่เลือดในระบบน้ำเหลือง
                        ม้าม ไม่ใช่อวัยวะที่จำเป็นต่อร่างกายชนิดที่จะขาดเสียมิได้ เพราะมีเนื้อเยื่อพิเศษที่สร้างเลือด สามารถทำหน้าที่แทนม้ามได้ ถ้าจำเป็นอาจตัดม้าม ทิ้งได้          ๒๓/ ๑๔๘๑๖
                ๔๓๖๑. ม้ามังกร  เป็นชื่อสัตว์พาหนะของสุดสาคร โอรสองค์ที่สองของพระอภัยมณี มีนางเงือกเป็นมารดา ชื่อเต็มของม้ามังกรคือ นิลมังกร แสดงว่าลักษณะของมันเป็นม้า และมังกรผสมกัน คือ มีหน้าเหมือนมังกร มีกายเป็นม้า มีหางเป็นนาค และมีฤทธิ์เดชอื่น ๆ เช่น เขี้ยวเป็นเพชร เกล็ดเป็นนิล ลิ้นเป็นปาน คงทนต่ออาวุธมีกำลังมาก         ๒๓/๑๔๘๑๙
                ๔๓๖๒. มายอ  อำเภอ ขึ้น จ.ปัตตานี ภูมิประเทศตอนกลางลุ่ม ๆ ดอน ๆ ตอนเหนือ ส่วนมากเป็นที่ลุ่ม ตอนใต้เป็นที่ดอนโดยมาก พลเมืองส่วนมากเป็นไทยอิสลาม
                    อ.มายอ เดิมตั้งที่ว่าการที่ บ.ระเกาะ ต.เกาะจัน เรียกว่า อ.ระเกาะ แล้วย้ายไปตั้งที่ ต.มายอ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๑ ถึงปี พ.ศ.๒๔๖๐ เปลี่ยนชื่อเป็น อ.มายอ        ๒๓/๑๔๘๒๐
                ๔๓๖๓. ม้าย่อง  เป็นชื่อเพลงไทยเพลงหนึ่ง ใช้ทั้งบรรเลงและร้องส่งให้ดนตรีรับ เพลงม้าย่องสองชั้นเป็นเพลงเก่า สมัยอยุธยา สำหรับร้องส่งในวงมโหรีและประกอบการแสดงละคร ในตำราดนตรีโบราณจัดไว้เป็นเพลงตับเรียกว่า เพลงตับเรื่องม้าย่อง มีอยู่สามเพลงด้วยกันคือ เพลงม้าย่อง เพลงม้ารำ และเพลงพิไสน้ำทอง         ๒๓/๑๔๘๒๑
                ๔๓๖๔. มาร  มาจากคำบาลีแปลว่า ผู้ให้ตายคือ ให้ตายจากคุณงามความดี ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ผู้กีดกันบุญกุศล ท่านจำแนกไว้าห้าจำพวกด้วยกันคือ
                                ๑.  กิเลสมาร มาร คือ กิเลส
                                ๒.  ขันธมาร  มาร คือ ขันธ์ห้า
                                ๓.  อภิสังขารมาร  มาร คือ อภิสังขารสาม
                                ๔.  เทวปุตตมาร  มาร คือ เทพบุตร
                                ๕.  มัจจุมาร  มาร คือ ความตาย
                ตามความเข้าใจของคนทั่ว ๆ ไป ในปัจจุบัน ผู้ที่มีจิตใจบาปหยาบช้า คอยกีดกันขัดขวางผู้อื่น ไม่ให้ทำความดีก็เรียกว่า เป็นมาร        ๒๓/๑๔๘๒๓
                ๔๓๖๕. มารวิชัย  เป็นชื่อเรียกพระพุทธรูปปางหนึ่ง โดยเรียกตามเค้าเรื่องของพระพุทธเจ้า ครั้งยังเป็นพระมหาบุรุษก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ได้ทรงชนะพญามารและเสนามาร ด้วยพระบารมีสามสิบทัศ ที่ทรงบำเพ็ญมา พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในพระอิริยบถ นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวา วางที่พระชานุ (เข่า) นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงที่พื้นธรณี        ๒๓/๑๔๘๒๘
                ๔๓๖๖. มาราธอน  หมายถึง การแข่งขันวิ่งประเภทหนึ่ง มีระยะทาง ๒๖ ไมล์ ๓๘๕ หลา หรือ ๔๒.๑๙๕ กม. ซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรก ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่หนึ่ง  ที่กรุงเอเธนส์ ในปี พ.ศ.๒๔๓๙ มีนักกีฬาเข้าแข่งขัน ๒๙๕ คน การแข่งขันครั้งนั้นเป็นการทบทวนอนุสรณ์ของนายฟิดิฟ ฟีดัส พลทหารสื่อสาร ซึ่งวิ่งจากสมรภูมิกลางทุ่งมาราธอน ไปยังกรุงเอเธนส์ เพื่อนำข่าวชัยชนะที่กองทัพเอเธนส์ มีต่อกองทัพเปอร์เซีย เมื่อปี พ.ศ.๕๓        ๒๓/๑๔๘๓๒
                ๔๓๖๗. มาลัยสูตร  เป็นพระสูตรหนึ่งซึ่งเชื่อกันว่า เป็นพระสูตรนอกคัมภีร์พระไตรปิฎก ไม่ปรากฎชื่อผู้แต่ง และไม่ทราบสมัยที่แต่ง บางท่านสันนิษฐานว่า เป็นคัมภีร์พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เพราะกล่าวถึงปาฎิหารย์และกล่าวถึง พระโพธิสัตว์ ซึ่งจะมาตรัสรู้ในภายภาคหน้า คล้ายกับคติของฝ่ายมหายาน
                    มาลัยสูตร เป็นพระสูตรที่เชื่อถือกันมากในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยมาเป็นเวลาช้านาน  เช่น นิยมมีเทศน์มาลัยสามธรรมาสน์ คือ นิมนต์พระสงฆ์มาเทศน์ปุจฉาวิสัชนากับสามองค์ องค์หนึ่ง สมมุติตนเป็นพระมาลัยเทวเถระ องค์หนึ่ง สมมุติตนเป็นพระศรีอาริยเมตไตย บรมโพธิสัตว์ องค์หนึ่ง สมมุติตนเป็น กระทาชายคนเข็ญใจ เทศน์ปุจฉาวิสัชนากัน ถึงเรื่อง นรก สวรรค์ บาป บุญ ที่จะทำให้คนไปตกนรก และขึ้นสวรรค์ ว่ามีอย่างไร และศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตร เป็นอย่างไร
                    มีกวีแต่งเรื่องราวในมาลัยสูตร เป็นกลอนสดไว้ในวรรณคดีไทย ฉบับเก่าที่สุดคือ พระมาลัยกลอนสวด แต่งราวปี พ.ศ.๒๒๘๑ นอกจากนั้น เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ยังได้ทรงนิพนธ์มาลัยสูตร เป็นคำกลอนลิลิตไว้ เมื่อปี พ.ศ.๒๒๘๐ เรียกกันว่า พระมาลัยคำหลวง นิยมนำมาสวดในงานพิธี กล่าวคือ แต่เดิมมาใช้สวดในงานมงคลบ่าวสาว คือ ใช้สวดในขณะที่เจ้าบ่าวไปนอนเฝ้าหอ แต่ต่อมาจนบัดนี้กลับนำไปสวดในงานอวมงคลคือ สวดหน้าศพ       ๒๓/๑๔๘๓๓
                ๔๓๖๘. ม้าลาย  เป็นสัตว์ที่มีลวดลายสวยงามแปลกตา ถึงแม้ได้ชื่อว่า ม้าลาย แต่ลักษณะส่วนใหญ่แตกต่างจากม้า โดยส่วนรวมแล้วเหมือนลา มากกว่า
                    ม้าลายเป็นสัตว์หัวดื้อ สอนไม่จำ ฟันคม สามารถกัด และเตะได้รุนแรงมาก เป็นสัตว์ที่ปราดเปรียว วิ่งได้เร็ว ม้าลายแบ่งออกได้เป็นสามชนิดคือ ม้าลายเกรวี ม้าลายภูเขา และม้าลายพื้นราบ ม้าลายอายุยืนประมาณ ๒๕ - ๓๐ ปี
                    ม้าลายพื้นราบ โดยมากอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ฝูงหนึ่งอาจมีหลายร้อยตัว จนถึงพันตัวก็มี ชอบเล็มหญ้าหากินในทุ่งหญ้า รวมกับสัตว์ป่าอื่นๆ         ๒๓/๑๔๘๓๕
                ๔๓๖๙. มาลาเรีย - ไข้  เป็นไข้ที่เกิดเพราะถูกยุงก้นปล่อง ที่มีเชื้อมาลาเรียกัด มีอาการหนาวและสั่น มาลาเรียเริ่มใช้เรียกโรคนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๓๗๐ เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงของประเทศต่าง ๆ ในแถบร้อน และแถบอบอุ่น มีสถิติการตายด้วยโรคนี้เป็นลำดับที่หนึ่งมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันอัตราการตายลดลงไปมาก เหลือเป็นอันดับหกของอัตราการตายทั้งประเทศ
                    ไข้มาลาเรีย มีอาการที่สำคัญคือ จับไข้เป็นเวลา วันเว้นวัน หรือวันเว้นสองวัน การจับไข้กินเวลาตั้งแต่ ๑๕ นาที จนอาจถึง ๑ ชั่วโมง
                    เดิมมาลาเรีย มีชื่อเรียกต่าง ๆ เช่น ไข้จับสั่น ไข้ป่า ไข้ดอกสัก ไข้ป้าง ไข้เจลียว ฯลฯ          ๒๓/๑๔๘๔๐
                ๔๓๗๐. มาเลเซีย  เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ ๓๓๒,๕๖๖ ตร.กม. ประกอบด้วย ดินแดนสองส่วนแยกออกจากกัน ส่วนหนึ่งตั้งอยู่ในคาบสมุทรมลายู มีชื่อเรียกว่า มาเลเซียตะวันตก มีพื้นที่ ๑๓๓,๑๐๐ ตร.กม. อีกส่วนหนึ่งตั้งอยู่ในภาคเหนือ และภาคตะวันตกของเกาะบอร์เนียว มีชื่อว่า มาเลเซียตะวันออก มีพื้นที่ ๑๙๙,๔๔๐ ตร.กม.
                    ลักษณะภูมิประเทศของมาเลเซียตะวันตก ประกอบด้วยเทือกเขาสูงเป็นแนวยาว อยู่ทางตอนในของคาบสมุทร ส่วนตามบริเวณชายฝั่งทะเลมีที่ราบ แม่น้ำสายยาวที่สุดของมาเลเซียตะวันตกคือ แม่น้ำปาหัง ยาว ๔๕๐ กม.
                    ส่วนมาเลเซียตะวันออก มีเทือกเขาสูง ๆ  อยู่ทางตอนใน ยอดสูงที่สุดสูง ๔,๑๐๑ เมตร  เป็นยอดเขาสูงสุดในเกาะบอร์เนียว
                    ประชากรของมาเลเซีย ประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติ ได้แก่ คนเชื้อชาติมาเลย์ (หรือมลายู) ร้อยละ ๔๔ เชื้อชาติจีน ร้อยละ ๓๖ เชื้อชาติอินเดีย ร้อยละ ๑๐ และชนพื้นเมืองเผ่าต่าง ๆ ร้อยละ ๑๐ ประชากรนับถือศาสนาและลัทธิต่าง ๆ กัน โดยมีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ นอกนั้นมีศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู พระพุทธศาสนา ลัทธิขงจื้อ ลัทธิเต๋า และลัทธินับถือผีสางเทวดา
                    มาเลเซีย มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีประมุขของประเทศดำรงตำแหน่งพระราชาธิบดี (ยังดี เปอตวน อากง) เลือกตั้งขึ้นจากที่ประชุมของสุลต่านเก้ารัฐคือ กลันตัน ตรังกานู เคดะห์ (ไทรบุรี) เนกรีเซมบีลัน ปะลิส เประ ปาหัง สลังงอ และยะโฮร์ ดำรงตำแหน่งวาระละห้าปี ส่วนประมุขของฝ่ายบริหารคือ นายกรัฐมนตรี รัฐสภา ประกอบด้วยสองสภา ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง และวุฒิสภา ซึ่งมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง และการแต่งตั้งรวมกัน
                    การปกครองเป็นแบบสหพันธรัฐคือ แบ่งออกเป็นรัฐต่าง ๆ รวม ๑๓ รัฐ อยู่ในมาเลเซียตะวันตก ๑๑ รัฐ และในมาเลเซียตะวันออก ๒ รัฐ รัฐที่ไม่มีสุลต่าน มีอยู่ ๔ รัฐคือ ปีนัง มะละกา ซาบาห์ และซาราวัก เมืองหลวงของประเทศคือ กัวลาลัมเปอร์
                    ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมาเลเซีย แบ่งออกเป็นสองส่วนต่างหากจากกันคือ
                        ก. - มาเลเซียตะวันตก  ก่อนจะสถาปนาเป็นประเทศเอกราช ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ ดินแดนของมาเลเซียตะวันตก รู้จักกันในชื่อว่า มลายู เคยเป็นดินแดนใต้ การปกครองของไทยบ้าง ของประเทศตะวันตกบ้าง
                        ดินแดนที่เคยอยู่ใต้การปกครองของไทย ได้แก่ เคดะห์ (ไทรบุรี) กลันตัน ตรังกานู ปะลิส และปีนัง (เกาะหมาก) ส่วนชาติตะวันตก ได้แก่ โปร์ตุเกส เข้ามายึดครองมะละกา เมื่อปี พ.ศ.๒๐๕๔ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๑๘๔ ฮอลันดา ยึดมะละกาไปได้ และต่อมาอีกร้อยปีเศษ อังกฤษ ได้เข้ามาแทนที่ฮอลันดา ได้สร้างสถานีการค้าขึ้นที่ปีนัง ในปี พ.ศ.๒๓๒๙ และสิงคโปร์ในปี พ.ศ.๒๓๖๒ และยึดเมืองมะละกาจากฮอลันดาในปี พ.ศ.๒๓๖๗ อังกฤษได้ค่อย ๆ ขยายอิทธิพลออกไปในรัฐต่าง ๆ ของมลายู โดยการเจรจาทำสนธิสัญญากับสุลต่าน ผู้ครองรัฐบีบบังคับให้รัฐต่าง ๆ ต้องเข้ามาอยู่ใต้การดูแลปกครองของอังกฤษ จนหมดสิ้นในที่สุด
                        ในระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา ญี่ปุ่นได้เข้ามายึดครองมลายูแทนอังกฤษ เมื่อสงครามยุติลงอังกฤษได้กลับมาปกครองอีก แต่ก็ถูกต่อต้านจากชาวมาเลเซีย ในที่สุดอังกฤษได้ยอมมอบเอกราชให้ ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ และได้มีการสถาปนารัฐต่าง ๆ ในมาเลเซียตะวันตกทั้ง ๑๑ รัฐ ขึ้นเป็นประเทศสหพันธรัฐมลายู สิงคโปร์ซึ่งเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ได้ขอเข้าร่วมเป็นรัฐหนึ่งของมาเลเซีย พร้อมกับรัฐซาราวัก และซาบาห์ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๐๘ สิงคโปร์ได้ขอแยกออกไปตั้งเป็นประเทศ          ๒๓/๑๔๘๔๖

    • Update : 27/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch