หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    การปรับปรุงดินปลูกต้นไม้ในบ้าน/3
    1. เลนตมที่ได้จากร่องสวนหรือตามห้วยหนอง  ดินนี้มีความอุดมสมบูรณ์สูงแล้ว ไม่จำเป็นต้องแก้ไข แต่ดินนี้มักจะเหนียวมาก แก้โดยการโรยปูนขาวหรือปูนมาร์ล แล้วผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันให้ดี ทิ้งไว้สักระยะเวลาหนึ่ง ดินนั้นจะหายเหนียว

    2. เลนตมที่ได้จากลำคลองที่อยู่อาศัยมีน้ำเสีย  เลนตมชนิดนี้มีสารที่เป็นพิษต่อการเจริญเติบโตของพืชอยู่ด้วย สารที่เป็นพิษกับต้นพืชที่อยู่ในดินชนิดนี้พอแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ
      1.  สารที่เป็นพิษที่เกิดจากอินทรีย์สาร  เกิดขึ้นจากการเน่าเปื่อยผุพังของอินทรีย์สารในที่ที่มีอากาศไม่เพียงพอ การเน่าเปื่อยผุพังจึงไม่สมบูรณ์ เกิดเป็นสารพิษขึ้น เป็นต้นว่า แก๊สไข่เน่า แก้ไขได้โดยเอาดินนี้ขึ้นมา ตากแดดผึ่งลมให้ได้รับอากาศอย่างทั่วถึง เพื่อทำให้การเน่าเปื่อยผุพังของอินทรีย์สารสมบูรณ์ สารที่เป็นพิษก็จะหมดไปจากดิน ตากดินไว้อย่างน้อย ประมาณ 3-4 อาทิตย์ ก็สามารถปลูกพืชได้ และเป็นปุ๋ยอย่างดี
      2.  สารพิษที่เกิดจากอนินทรีย์ ได้แก่ สารหนู ทองแดง สังกะสี ดีบุก ตะกั่ว สารพิษนี้ถ้ามีเป็นปริมาณมาก สารบางชนิดอาจะเป็นพิษแก่มนุษย์ด้วย ถ้าจะใช้ถมที่ก็ควรจะถมดินชั้นบน ทับให้เลนตมนี้อยู่ใต้พื้นดินลึกๆ เพราะถ้าอยู่ตื้นๆ พืชอาจจะดูดเอาสารพิษขึ้นมาดินชั้นบน แต่ถ้าปลูกพืชพวกไม้ดอกไม้ประดับก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นไม้ผลหรือพืชที่ต้องเอามารับประทานไม่ค่อยดี ส่วนสารเป็นพิษในดินนั้น มีทางที่จะแก้ไข ลดการเป็นพิษลงได้ แต่ไม่ค่อยแนะนำเพราะเสียค่าใช้จ่ายสูง จึงไม่แนะนำให้เอามาถมที่

    การเตรียมดินปลูกพืช

              ไม้ยืนต้น ได้แก่ มะนาว มะพร้าว ลำไย ชมพู่ มะละกอ ฯลฯ การเตรียมดินปลูกพืชแต่ละชนิดแตกต่างกัน แต่ถึงอย่างไรก็ดี การเตรียมดินปูลกพืชนี้มีความสำคัญมาก ถ้าเตรียมดินไม่ดี จะทำให้ต้นพืชตกผลช้า แต่ถ้าเตรียมดินดีแล้วจะทำให้พืชเจริญเติบโตดี ตกผลเร็ว การเตรียมดินปลูกพอจะกล่าวรวมๆ ได้ดังนี้

    • หลุมปลูก   เตรีมหลุมปลูกพืชโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้ยืนต้นควรขุดหลุมให้ลึก กว้างยาวประมาณ 1 เมตร เมื่อเอาดินขึ้นมาตากแดด ตากแดดทิ้งไว้ 1-2 อาทิตย์ แล้วให้เอาขยะหรือเศษเหลือของพืชหรือขี้เถ้า หรือไม่ก็ปุ๋ยคอก ปุ๋ยเทศบาล หรือปุ๋ยหมัก ใส่ลงไปปนกับดินที่ขุดตากแดดไว้ ถ้าเป็นปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเทศบาล 1 ส่วน ควรจะเป็นดิน 5-6 ส่วน ถ้าเป็นเศษเหลือของพืช ควรจะ 1 ส่วน ต่อดิน 3-4 ส่วน ให้ดินผสมกันลงไปในหลุม ถ้าได้เศษเหลือจากโรงฆ่าสัตว์ มาใส่ปนกับดินก็ยิ่งดี เมื่อกลบดินหมดแล้ว ดินนั้นจะพูนเป็นกองสูงขึ้นมา ซึ่งทิ้งไว้นานๆ จะยุบทีหลัง ตรงกลางกองดินควรทำเป็นหลุมไว้ เมื่อกลบดินเสร็จแล้วควรปล่อยทิ้งไว้สัก 2 อาทิตย์จึงลงมือปลูก

    • การเตรียมดิน  ทำหลุมปลูกนี้ ถ้าดินนั้นถมด้วยดินชั้นบนหรือหน้าดิน ไม่จำเป็นต้องทำหลุมปลูกก็ได้ เพราะดินนี้มีความอุดมสมบูรณ์สูงอยู่แล้ว แต่ถ้าถมด้วยทรายขี้เป็ดหรือดินชั้นล่างที่มีปัญหานั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำหลุมปลูก

      • การปลูก  ถ้าเป็นต้นไม้ที่อยู่ในกระถาง ถ้าไม่อยากทุบกระถาง เอาต้นไม้ออกจากกระถางได้โดยเอากระถางได้โดยเอากระถางไปแช่ในน้ำ เพื่อให้ดินร่อนจากกระถาง และทิ้งไว้สัก 5 นาที แล้วยกกระถางออกจากน้ำ ตั้งทิ้งไว้สัก 5 นาที เอามือตบรอบๆ กระถางเบาๆ กางมือขวาออก เอามือซ้ายจับกระถางไว้ แล้วคว่ำลงบนฝ่ามือ ให้ต้นไม้อยู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง เอาหัวแม่มือซ้ายสอดเข้าไปตรงรูระบายน้ำก้นกระถาง ดันให้ดินหลุดออกจากกระถาง แล้วยกกระถางออก แต่ถ้าเป็นกระถางปากแคบ ควรจะขุดดินข้างๆ ปากกระถางออกเสียก่อน เพื่อทำให้ดินหลุดออกจากกระถางได้ง่ายเข้า แล้วยกต้นไม้ไปวางบนหลุมกลางกองดินที่ทำไว้ กลบดินให้ท่วมรากต้นไม้ แล้วรดน้ำให้ชุ่ม เป็นเสร็จการปลูก
             ถ้าเป็นกิ่งตอนที่เพิ่งตัดมาใหม่ๆ ก็ควรปลูกใส่กระถางไว้ในที่ร่มหรือที่มีแสงรำไรเสียก่อน จึงนำไปปลูกทีหลัง จะทำให้ต้นไม้นั้นมีทางรอดตายมากกว่า หรือถ้ามีความจำเป็นต้องรีบปลูก ก็ควรเอากิ่งตอนนั้นไปชำเสียก่อน เพื่อให้รากออกมากๆ และแข็งแรงเสียก่อน แล้วจึงย้ายไปปลูกในหลุมปลูกที่เตรียมไว้
             ควรทำร่มบังแสงแดดจัด ตอนกลางวันให้กับต้นไม้ เพราะถ้าต้นไม้ได้รับแสงแดดจัด ต้นไม่ลดอุณหภูมิลงโดยการคายน้ำ ขณะที่ปลูกใหม่ๆ ต้นพืชดูดน้ำไม่ค่อยดี เพราะรากของพืชสัมผัสกับดินไม่ค่อยดี การทำให้รากพืชสัมผัสกับดินให้ดีได้ดังนี้ก็คือ  กดดินให้แน่นขณะปลูก หรือรดน้ำให้โชกเพื่อให้ดินติดกับรากพืชได้สนิท ถ้าไม่แน่ใจว่ารากพืชสัมผัสกับดินดีก็ควรจะทำร่มกันแดดให้กับต้นพืช เพื่อลดการคายน้ำของต้นพืช การตัดใบออกบ้าง หรือตัดยอดอ่อนออกบ้าง เป็นทางหนึ่งที่จะลดการสูญเสียน้ำของพืช ถ้าเป็นไม้กระถางที่แข็งแรงแล้วและมีดินติดไปมากขณะย้ายปลูก ไม่มีความจำเป็นจะต้องพลางแสงแดดให้ แต่ถ้าเป็นกิ่งตอนมีความจำเป็นมาก มะม่วงชอบดินที่มีการระบายน้ำดี แต่ชมพู่น้ำขังกลับดี มะละกอน้ำขังได้ไม่เกิน 1 วัน จะต้องตาย ดังนั้นมะละกอควรจะปลูกที่สูงๆ หรือเนินดิน ชมพู่ควรปลูกที่ต่ำริมน้ำ

    • การเตรียมดินปลูกหญ้า
                การเตรียมดินปลูกหญ้าทำสนามหญ้าในบ้าน ก่อนอื่นทั้งหมดควรเกลี่ยดินให้เรียบที่สุดที่จะทำได้ ไม่ควรทำที่ดินให้สูงๆ ต่ำๆ ลุ่มๆ ดอนๆ เพราะจะทำให้การตัดหญ้าลำบาก ถ้าเกลี่ยดินลำบากก็ควรเอาทรายช่วยถมที่ลุ่มๆ ดอนๆ แล้วเกลี่ยดินให้เรียบ แต่ที่สำคัญไม่ควรให้ควรให้ทรายมากนัก เมื่อเกลี่ยดินเรียบร้อยแล้วโรยปุ๋ยเทศบาลหรือปุ๋ยคอกให้สม่ำเสมอทั้งบริเวณ ปุ๋ยเทศบาลควรจะสักหนึ่งบุ้งกี๋ต่อดินต่อพื้นที่ 2-3 ตารางเมตร ถ้าจะใช้เลนตมเกลี่ยให้เรียบก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเทศบาล เมื่อโรยปุ๋ยแล้วเอาแผ่นหญ้ามาปู หรือถ้าจะปลูกหญ้าเป็นหย่อมๆ ก็ควรปลูกห่างกันพอควร พยายามกดหญ้าให้ติดกับดินแล้วรดน้ำให้ชุ่ม หลังจากนั้นต้องรดน้ำให้ชุ่มทุกวันจนหญ้าขึ้นเขียว จึงค่อยลดการรดน้ำ ควรเก็บและถอนวัชพืชออกจากสนามหญ้าอย่างสม่ำเสมอ ปุ๋ยที่ใช้มีปุ๋ยยูเรีย ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต หว่านปุ๋ยในอัตรา หนึ่งกำมือต่อพื้นที่ 3-4 ตารางเมตร ควรใส่ปุ๋ย 5-6 เดือนต่อครั้ง แล้วฉีดน้ำตามเพื่อให้ปุ๋ยละลายลงไปในดิน ถ้าไม่รดน้ำตาม เมื่อปุ๋ยถูกความชื้น จะทำให้ปุ๋ยทำลายหญ้าไหม้เป็นจุดๆ ไม่สวย ถ้าตัดหญ้าทุกอาทิตย์แล้วปล่อยใบหญ้าที่ตัดออกทิ้งไว้ในสนามเพื่อเป็นปุ๋ยก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องใส่ปุ๋ยให้กับสนามหญ้า แต่ถ้า 3-4 อาทิตย์ตัดหญ้าครั้งหนึ่ง ไม่แนะนำให้ปล่อยหญ้าไว้ในสนาม เพราะมองดูแล้วไม่สวยงาม


    • Update : 24/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch